วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2551

5 ส.

5 ส. เป็นคำย่อของกิจกรรม 5 ขั้นตอน ในการปรับปรุงประสิทธิภาพให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย
  1. สะสาง
  2. สะดวก
  3. สะอาด
  4. สร้างมาตรฐาน
  5. สร้างนิสัย

1. สะสาง
สะสางคือการคัดแยกสิ่งที่ไม่ได้ใช้งานออกจากสิ่งที่ใช้งาน และนำออกไป เช่น บนโต๊ะทำงาน ขอให้ลองสำรวจดูว่า มีอะไรบ้างที่ตั้งไว้โดยที่เราไม่ได้ใช้งานมาเป็นเวลานาน ก็ให้ทำการวิเคราะห์ว่าควรกำจัดออกไป หรือนำไปจัดเก็บที่อื่น หรือรูปแบบอื่น เป็นต้น

2.สะดวก
สะดวกคือมองด้วยตาก็รู้ทันทีว่าคืออะไร เช่น สวิตซ์ไฟอันนี้ เป็นสวิตซ์สำหรับเปิด-ปิดไฟดวงใด ใคร ๆ ก็สามารถรู้ได้ โดยไม่ต้องลองผิดลองถูก หรือเก้าอื้ตัวนี้เป็นเก้าอี้ของโต๊ะหมายเลขอะไร เป็นต้น ก็แนะนำให้ทำฉลากสำหรับทุก ๆ จุด และจัดวางของอย่างเป็นระเบียบ จัดกลุ่มสิ่งที่เหมือนกันไว้ที่เดียวกัน

3. สะอาด
สะอาด ก็ตรงตัวครับ คือทำความสะอาดอุปกรณ์ เครื่องใช้ และพื้นที่ทั้งหมด รวมทั้งตรวจสอบและบำรุงรักษาจุดที่จะเป็นปัญหาของอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น น็อตของเก้าอี้ ฟองน้ำของหูฟัง เป็นต้น

4. สร้างมาตรฐาน
สร้างมาตรฐานคือ การปฏิบัติตาม 3 ข้อข้างต้นอย่างสม่ำเสมอ ทำทันที อย่าผัดวันประกันพรุ่ง และไม่ใช่การทำตามกำหนดการ เช่น กำหนดทำ 5 ส. ปีละครั้ง เป็นต้น แต่ต้องทำทุกวัน ทำตลอดเวลา มีมาตรฐานการทำงานที่แนนอน เป็นลายลักษณ์อักษร

5. สร้างนิสัย
สร้างนิสัยคือการตรวจสอบการปฏิบัติตามหลักการ 4 ส.แรกอย่างสม่ำเสมอ หากมีพนักงานใหม่ ก็ต้องจัดอบรมให้ทราบถึงขั้นตอนต่าง ๆ และคอยตรวจสอบ พร้อมให้คำปรึกษา เพื่อให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

หากเราทำตามนี้ได้ ก็จะช่วยให้เราสามารถประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย และลดความสูญเสียได้อย่างมากทีเดียว ทั้ง ๆ ที่เราไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มแต่อย่างใด

การแข่งขัน

วันก่อนเข้าไปอ่านเว็บบอร์ดเกี่ยวกับร้านอินเตอร์เน็ต ที่เข้ามาบ่นว่าพอเราเปิดร้านฯ และท่าทางไปได้ดี ก็มีคู่แข่งมาเปิดร้านใหม่ตรงข้าม พร้อมทั้งสเปคเครื่องคอมฯที่ดีกว่า ทำให้ลูกค้าเดิมหายไปเล่นร้านใหม่

ข้อดีของการมีร้านคู่แข่งมาเปิดใกล้ ๆ กับร้านเรา ก็คือ พื้นที่ร้านเราเป็นแหล่งของร้านอินเตอร์เน็ตนั่นเอง ลองนึกตัวอย่างดูอย่างห้างพันธุ์ทิพย์ ที่เป็นแหล่งรวมร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มากมาย เปิดร้านติดกัน ตรงข้ามกัน เยื้องกัน ลูกค้าที่ต้องการซื้อคอมฯ ก็รู้จักห้างพันธุ์ทิพย์ว่าเป็นแหล่งของอุปกรณ์คอมฯ ถ้าหากว่ามีร้านนึงไปเปิดอยู่ที่เซ็นทรัลเวิล์ด ก็จะมีลูกค้าเฉพาะคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเท่านั้น

นั่นคือ ถ้ามีร้านอินเตอร์เน็ตมาเปิดรวมกันเยอะ ๆ ลูกค้าก็จะหลั่งไหลมายังจุดนั้น ๆ เพราะถ้าร้านไหนเต็ม ก็สามารถเดินไปเล่นอีกร้านที่ใกล้ ๆ กันได้ แต่หากบริเวณนั้นมีแค่ร้านเดียว ลูกค้าไป และปรากฏว่าที่นั่งเต็ม ลูกค้าก็จะเสียเวลาในการเดินทางไปโดยเปล่าประโยชน์ ถ้าลูกค้ารายนั้นตั้งใจมาเล่นเน็ตทุกครั้งและพบว่าที่นั่งเต็มทุกครั้ง เค้าย่อมเปลี่ยนไปใช้บริการร้านเน็ตแหล่งอื่นที่เป็นแหล่งรวมร้านเน็ตจะดีกว่า เพราะร้านไหนเต็มก็สามารถไปเล่นร้านอื่น ๆ ได้

การที่จะดูว่า เมื่อไหร่จะมีร้านใหม่มาเปิดแข่งขันเพิ่มหรือไม่นั้น ก็สังเกตง่าย ๆ โดยสมมุติว่ามีร้านเราร้านเดียว มีเครื่องคอมฯอยู่ 10 เครื่อง ปรากฏว่าเครื่องเต็มตลอด และเราคิดว่าควรขยายร้านเพิ่มเติมเมื่อไหร่ นั่นก็แสดงว่าจะมีคู่แข่งเข้ามาแข่งขันในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน เพราะเรามองเห็นโอกาส คนอื่นก็มองเห็นโอกาสนั้นเช่นกัน เนื่องจากธุรกิจร้านอินเตอร์เน็ต เป็นธุรกิจที่ไม่ต้องใช้ทักษะมากนัก ทุกคนที่มีเงินก็สามารถเข้ามาดำเนินกิจการได้

แล้วเราควรทำอย่างไรดี เราต้องมองไปล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ปี ลองคิดว่าเดือนนี้อีก 1 ปีข้างหน้าร้านเราจะดำเนินธุรกิจอย่างไร ลูกค้าจะเข้ามาใช้บริการมากน้อยแค่ไหน เป็นลูกค้ากลุ่มไหน เช่น หากคุณมองว่าธุรกิจนี้ยังสามารถขยายตัวได้อีก ก็ต้องรีบขยายร้านให้เพียงพอกับความต้องการ เปิดสาขาเพิ่มก่อนที่คู่แข่งจะตัดสินใจเข้ามา

แต่หากเรามีเงินทุนไม่เพียงพอ ผมไม่แนะนำให้กู้แบงค์นะครับ ขอให้ลงทุนแต่พอดี ไว้มีเงินเก็บเพียงพอแล้วค่อยขยายนะครับ ขอให้จำคำว่า "อยู่อย่างพอเพียง" แล้วเราจะอยู่อย่างมีความสุขครับ

ก็ปล่อยให้คู่แข่งเข้ามาเปิด เพราะอย่างน้อยก็ช่วยส่งเสริมให้ร้านเราอยู่ในทำเลที่ดี (place) ต่อจากนั้นเราก็ต้องพัฒนาตัวเราเองให้ทัดเทียมกับคู่แข่งขัน โดยนำ 4 p มาวิเคราะห์ต่อ

product - สินค้าและบริการ
สินค้าและบริการของร้านอินเตอร์เน็ต+เกมส์คืออะไร สินค้าหลักก็คือ อินเตอร์เน็ตและเกมส์ ลูกค้าที่เข้ามาในร้านตั้งใจที่จะเข้ามาใช้งานอินเตอร์เน็ตหรือเกมส์ ลองนึกภาพว่า คุณเข้าไปใช้งานร้านอินเตอร์เน็ต+เกมส์แห่งหนึ่ง ปรากฏว่า
  • อินเตอร์เน็ตช้ามาก หรือเกมส์มีแต่เกมส์เก่า ๆ ไม่ทันสมัย คุณจะรู้สึกหงุดหงิดแค่ไหน?
  • เมาส์ คีย์บอร์ด กดไม่ค่อยติด แข็งเกินไป หูฟังดังข้างเดียว คุณจะรู้สึกหงุดหงิดแค่ไหน?
  • แอร์ไม่เย็น โต๊ะ-เก้าอี้สกปรก ขาด โยกเยก คุณจะรู้สึกหงุดหงิดแค่ไหน?
  • ถามอะไรพนักงานก็ตอบไม่ได้ พนักงานพูดจาฟังไม่เข้าหู แต่งตัวสกปรก คุณจะรู้สึกหงุดหงิดแค่ไหน?

เพราะฉะนั้น คุณต้องจัดการกับสิ่งที่เป็นพื้นฐานเหล่านี้ให้ดีซะก่อน จากนั้นก็มาเสริมบริการต่าง ๆ ให้ดีขึ้น* อะไรที่ร้านคู่แข่งมีและเราไม่มีบ้าง ถ้าเราสามารถหามาเพิ่มได้ก็ทำ แต่ถ้าไม่สามารถก็ไม่จำเป็น อย่างที่ผมเคยเขียนไปก่อนหน้านี้ ที่ว่ากลยุทธ์เราคืออะไร เราต้องหาจุดต่างจากคู่แข่งให้ได้ อย่าไปทำตามคู่แข่ง เพราะยังไงเสีย ร้านคู่แข่งก็ได้เปรียบในเรื่องของอุปกรณ์คอมฯต่าง ๆ ใหม่กว่าเราอยู่แล้ว

price - ราคา
ถ้าราคาเท่ากันก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่ถ้าหากร้านคู่แข่งราคาต่ำกว่า ขอให้อย่าพึ่งลดราคาตาม เพราะลดแล้วจะขึ้นกลับมาอีกครั้ง จะเป็นไปได้ยาก ยกเว้นคุณไม่มีจุดต่างจากร้านคู่แข่งเลย ก็ต้องปรับราคาลงมาให้เท่ากับคู่แข่ง

เพราะฉะนั้น คุณต้องพยายามสร้างจุดต่างจากคู่แข่ง เพราะอย่างน้อยลูกค้าก็จะมองเห็นว่าที่ต้องจ่ายราคาที่สูงกว่าคู่แข่ง ก็เพราะร้านคุณมีจุดต่างที่เห็นได้ชัดจากคู่แข่ง

place - ทำเล
ร้านเราเป็นจุดดึงลูกค้าหรือไม่? ถ้ายังก็ต้องเสริมและสร้างให้เกิดขึ้น*

promotion - การสื่อสารการตลาด
กิจกรรมต่าง ๆ ภายในร้าน โดยเฉพาะร้านเกมส์สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้หลากหลาย*

* หมายเหตุ : บางเรื่องผมจะไม่พูดถึง เพราะบางอย่างก็เป็นกลยุทธ์ของร้านผมเช่นกัน เพราะฉะนั้นขอให้เพื่อน ๆ คิดวิเคราะห์ด้วยตนเองนะครับ

ลองหาข้อมูลและวิเคราะห์ดูครับ ผมเชื่อว่าตลาดร้านอินเตอร์เน็ตและเกมส์ยังเติบโตได้อีกเยอะ ทุกคนสามารถอยู่รอดได้

วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2551

โลกร้อน

ช่วงนี้ทุกวันต้องได้ยินได้อ่านเรื่องปัญหาโลกร้อน ก็มีการรณรงค์กันลดการใช้พลังงานเพื่อลดโลกร้อน แต่ยังไม่ค่อยมีการรณรงค์ให้ปลูกต้นไม้เพื่อดูดซับสารคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้โลกร้อนเลย

ปัจจุบันเรามีการนำสารให้พลังงานมาใช้มากขึ้น ซึ่งสารเหล่านี้เมื่อมีการใช้จะปล่อยสารคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้โลกร้อนออกมา ซึ่งหากเรามีต้นไม้เยอะ ๆ ที่คอยช่วยดูดซับสารเหล่านั้นละก็ ก็คงไม่มีปัญหาโลกร้อนหรอกครับ แต่เพราะทุกวันนี้ ต้นไม้ถูกตัดทำลายลดลงไปอย่างมากที่สุด เนื่องจากการขยายตัวของการทำการเกษตร หรือการขยายพื้นที่อยู่อาศัย

ผมว่าน่าจะมีการรณรงค์ปลูกต้นไม้กันดีกว่า รณรงค์ลดการใช้พลังงานนะ ถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาส ก็ช่วย ๆ กันปลูกต้นไม้นะครับ โดยเฉพาะไม้ยืนต้น อาจจะเป็นพวกผลไม้ก็ได้ เช่น ขนุน ที่ช่วยหนุนตัวเราให้ดีขึ้น

มาว่ากันเรื่องโอกาสทางธุรกิจดีกว่า ว่าโลกร้อนแบบนี้ ธุรกิจอะไรที่น่าจะดีบ้าง แน่นอนก็ต้องเป็นธุรกิจทำความเย็น ไม่ว่าจะเป็นแอร์คอนดิชั่นทั้งในบ้าน และในรถยนต์ พัดลมบ้านและมือถือ พัดมือธรรมดา นอกจากนั้นก็จะเป็นสถานที่ที่ให้ความเย็น เช่นที่ทำงาน ห้างสรรพสินค้า และร้านอินเตอร์เน็ต :)

สมัยก่อนผมทำงานบริษัท ช่วงหน้าร้อนนี่ ตื่นเช้ามากครับ เพราะร้อน ก็รีบอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน นั่งตากแอร์ในที่ทำงาน ช่วงเย็นก็อยู่ค่ำหน่อย เพราะกลางคืนก็ร้อน

ส่วนวันหยุดก็ไปเดินตามห้างสรรพสินค้าครับ ก็มีทั้งซื้อและไม่ซื้อ เพราะฉะนั้นผมว่าหน้าร้อนนี่ ห้างสรรพสินค้าน่าจะขายสินค้าได้มากขึ้นนะครับ

ส่วนร้านอินเตอร์เน็ต ก็จะมีคนที่เข้ามาใช้บริการเร็วขึ้น และบ่อยขึ้นครับ ร้อนเมื่อไหร่ก็แว่บมาเล่น ก็ช่วยได้ส่วนหนึ่งครับ

ช่วงหน้าร้อนแบบนี้ แอร์ก็ทำงานมากขึ้นครับ ค่าไฟก็สูงตามไปด้วย โดยเฉพาะค่าไฟที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย ทำให้เดือนที่ผ่านมา ค่าไฟร้านผมสูงมากเป็นประวัติการ ก็ต้องหามาตรการลดค่าไฟมาใช้ครับ

  1. ล้างแผ่นกรองฝุ่นของแอร์บ่อยขึ้นครับ จากเดือนละครั้ง ก็ต้องเปลี่ยนเป็นเดือนละสองครั้ง หรือต่อไปอาจต้องเปลี่ยนเป็นสัปดาห์ละครั้ง เอาไว้คอยดูฝุ่นที่เกิดขึ้นก่อน
  2. อุปกรณ์ไฟฟ้าที่สามารถถอดปลั๊กได้ ต้องถอดให้หมด ไฟเส้นไหนที่ไม่ได้ใช้ต้องสับสวิตซ์ปิดไฟให้หมด ช่วงนี้ผมก็มานั่งศึกษาเส้นทางเดินสายไฟแต่ละเส้นอยู่ครับ
  3. ปิดเครื่องคอมฯเร็วขึ้น เมื่อก่อนผมก็จะปล่อยเครื่องคอมฯ เปิดค้างไว้ แต่ตั้งให้ปิดหน้าจอไว้เมื่อไม่ได้ใช้งานครบ 10 นาที และจะปิดเครื่องเมื่อใกล้กำหนดปิดร้าน ตอนนี้ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็น ช่วงไหนที่เครื่องว่างเยอะ ๆ ก็สั่งปิดเครื่องว่างทั้งหมดเลยครับ ลูกค้ามาเมื่อไหร่ก็ให้ลูกค้าเปิดใหม่

ก็หวังว่าจะช่วยลดค่าไฟได้บ้าง ถึงจะเล็กน้อยก็ตาม จะได้เอาค่าไฟที่ลดนี้ไปเพิ่มค่าจ้างพนักงานได้ เพราะอย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าค่่าข้าวเพิ่มขึ้นวันละ 15 บาท เท่ากับเดือนละ 450 บาท เงินเดือนพนักงานที่ไม่มากนัก ก็ถือเป็นเปอร์เซนต์ที่สูงอยู่ครับ

ซึ่งถ้าหากค่าไฟยังสูงต่อเนื่องต่อไปแบบนี้ ผมอาจจะต้องทำร้านและวางระบบแอร์ใหม่ก็ได้ เพราะเพดานตอนนี้สูงประมาณ 3 เมตร และแอร์เป็นรุ่นเก่ามานานแล้ว อาจต้องทำฝ้าเพดานเพื่อลดให้สูงเพียง 2.5 เมตร และซื้อแอร์เบอร์ 5 รุ่นใหม่มาใช้แทน ก็อาจต้องคำนวนค่าใช้จ่ายระหว่างทำใหม่กับใช้ของเดิมอีกครั้งนึง

วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2551

อยู่ตรงไหน

วันนี้ก็นั่งอ่านกระทู้ต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็ไปเจอกระทู้หนึ่ง เป็นกระทู้เกี่ยวกับร้านเกมส์เรื่องตัดราคากัน จริง ๆ แล้วเรื่องการตั้งราคาก็เป็นส่วนผสมหนึ่งในส่วนผสมการตลาด ที่ประกอบไปด้วย product, price, place และ promotion

การทำธุรกิจร้านเน็ตหรือร้านเกมส์ในปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันสูง ประกอบกับเป็นธุรกิจที่คนไม่มีความรู้ก็สามารถเข้ามาทำได้ เพียงแค่มีเงินลงทุน ทำให้หลาย ๆ ร้านเปิดใหม่ที่มีเจ้าของร้านที่ไม่มีความรู้ด้านการตลาด จะเน้นหนักไปที่การทำกลยุทธ์ด้านราคาเป็นสำคัญ

ร้านประเภทนี้ เจ้าของมักจะไม่มีความรู้ทางบัญชีและการเงิน เพราะหากเราคิดดูดี ๆ แล้ว เรามีค่าใช้จ่ายต่อเดือนมากมายดังนี้ คือ
  1. ค่าเช่าร้าน
  2. ค่าอุปกรณ์คอมฯ, โปรแกรม, เฟอร์นิเจอร์ และค่าตกแต่งร้าน
  3. ค่าจ้าง
  4. ค่าสิ้นเปลืองอื่น ๆ
ค่าเช่าร้าน
ค่าใช้จ่ายรายการนี้ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง ทำเลที่ตั้งดีก็จะมีค่าเช่าสูง ทำเลที่ตั้งไม่ดีก็จะมีเค่าเช่าต่ำ บางท่านอาจจะให้บ้านพักของตนเองเป็นที่เปิดกิจการ แต่ท่านก็ต้องนำค่าใช้จ่ายส่วนนี้เข้ามาคำนวนไว้ด้วย โดยคิดว่าหากท่านให้ผู้อื่นมาเช่า ท่านสมควรจะได้รายได้เท่าใดบวกเข้าไปในค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน แต่ละวัน

ค่าอุปกรณ์คอมฯ, โปรแกรม, เฟอร์นิเจอร์ และค่าตกแต่งร้าน
ค่าใช้จ่ายรายการนี้จะเป็นค่าเสื่อมราคาของอุปกรณ์และโปรแกรมต่าง ๆ ทั้งหมด ในส่วนตัวผมเองคิดที่ 3 ปี (สูงสุด 5 ปี) ก็นำค่าใช้จ่ายทั้งหมดบวกดอกเบี้ยเงินฝาก แล้วก็เอามาหารจำนวนปี เดือน วัน ก็จะได้เป็นค่าเสื่อมต่อวัน เมื่อครบตามจำนวนปีที่กำหนด หากเราสามารถขายอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ ก็ได้เป็นกำไรไปครับ

ค่าจ้าง
เป็นค่าใช้จ้างพนักงานและตัวเอง ก็ต้องกำหนดให้แน่ชัดลงไปว่าพนักงานเท่าไหร่ ตัวเองเท่าไหร่ แล้วก็นำมาหารจำนวนวัน ก็จะได้เป็นค่าใช้จ่ายต่อวัน โดยเฉพาะค่าจ้างของตนเอง ควรตั้งโดยดูองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง เช่น หากไปทำงานเป็นพนักงานกินเงินเดือน จะได้เท่าไหร่ ตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของกิจการขนาดนี้ควรเป็นเท่าไหร่ อย่างผม ผมให้เงินเดือนตัวเองที่ 20,000 บาท ทั้ง ๆ ที่สมัยก่อนที่ผมทำงานเป็นพนักงานได้เฉลี่ยที่ 50,000 กว่าบาท เพราะผมมองว่าธุรกิจขนาดนี้ น่าจะเริ่มต้นเท่านี้ก่อน แต่ก็ยังมีโอกาสขยายกิจการเพิ่มเติม ซึ่งแน่นอนรายได้ก็จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

ค่าสิ้นเปลืองอื่น ๆ
ได้แก่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าน้ำยาทำความสะอาด ค่ากระดาษ ค่าหมึก ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เอาค่าใช้จ่ายจริง 3 เดือนย้อนหลังมาเฉลี่ย จะได้ทราบค่าใช้จ่ายขั้นต่ำโดยประมาณ แล้วมาหารจำนวนวัน ก็จะได้เป็นค่าใช้จ่ายต่อวัน

อย่างของผมเองค่าใช้จ่ายต่อวัน ประมาณ 2,400 บาท หากเดือนใดได้รายได้เฉลี่ยต่อวันต่ำกว่านี้ เดือนนั้นก็จะขาดทุน เดือนใดได้รายได้เฉลี่ยต่อวันสูงกว่านี้ ก็จะได้กำไร ซึ่งต้องบอกตามตรงว่าเดือนเมษานี้มีโอกาสเท่าทุนหรือขาดทุน แต่เดือนก่อนหน้านี้ก็พอมีกำไรบ้าง

เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว เราก็จะรู้สถานะทางการเงินของตนเอง หากขาดทุนทุกเดือนก็ต้องกลับมาพิจารณาแล้วว่า ควรเลิกแล้วไปหากิจการอย่างอื่นทำ หรือกลับไปเป็นพนักงานเหมือนเดิม หรือหาทางพัฒนาธุรกิจ สร้างยอดขายให้ครอบคลุมรายจ่ายให้ได้

ร้านที่สามารถใช้กลยุทธ์ราคาต่ำ คือ 10 บาท เค้าอาจคำนวนว่ารายได้ขนาดนี้เมื่อคำนวนแล้วครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่อวันของเค้าได้ ก็ต้องปล่อยให้เค้าดำเนินกิจการต่อไป แต่ถ้าหากเค้าตั้งโดยไม่ได้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว ก็เชื่อได้เลยว่า เค้าจะเปิดกิจการไม่ได้นานหรอก

แล้วร้านที่มีค่าใช้จ่ายสูง แน่นอนก็ต้องตั้งราคาที่สูงกว่า แต่ในราคาที่สูงกว่านั้น อะไรล่ะที่สูงกว่า เช่น ค่าเช่าสูงกว่า ก็ต้องบริหารพื้นที่ในร้านให้เกิดรายได้มากที่สุด ค่าจ้างสูงกว่า ก็ต้องพัฒนาพนักงานให้เกิดทักษะในการทำงานที่สูงตามไปด้วย ก็ในเมื่อค่าบริการของเราสูงกว่าแล้ว ก็ต้องสร้างคุณค่าในสายตาผู้บริโภคให้สูงตามมูลค่าที่เค้าจะต้องจ่ายออกไป

แล้วถ้าทุกร้านราคาเท่ากันหมดล่ะ ทำอย่างไร ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าการตลาดมี 4 p เราก็ต้องกลับมาดูว่า p ตัวไหนของเราที่ด้อยกว่าคู่แข่ง product-เครื่องคอมฯและบริการต่าง ๆ หรือ? place-ทำเลหรือ? promotion-การตกแต่งร้านหรือ?

ก็ต้องออกสำรวจร้านคู่แข่งและประเมิณจุดแข็ง-จุดอ่อนของทั้งของเราและคู่แข่ง แล้ววางแผนปรับปรุงจุดอ่อนให้เท่าเทียมหรือดีกว่าคู่แข่ง พร้อมทั้งเสริมจุดแข็งให้ดียิ่งขึ้นไป หากทำได้

โดยการปรับปรุงจุดอ่อนนี้ต้องกำหนดเป็นกลยุทธ์ และนำมาใช้สร้างความแตกต่างให้ลูกค้าจำได้อย่างชัดเจน ว่าร้านของเรามีจุดเด่นอะไรที่ต่างจากร้านคู่แข่ง แล้วเราจะได้ไม่ต้องไปแข่งขันกันที่ราคาอย่างเดียว

ผมฝากให้ลองศึกษาธุรกิจร้านกาแฟเป็นตัวอย่างก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นสตาร์บั๊ค โอบองแปง ร้านกาแฟโบราณ ลองนั่งคิดวิเคราะห์ดูว่าทำไมเค้ายังอยู่กันได้

วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2551

ค้าขายบนอีเบย์

เมื่อวานนี้ ผมได้เครื่อง CD-RW มือสองมาตัวนึง ก็เลยเอาไปใส่เครื่องที่ร้าน ประมาณสี่ทุ่ม ปรากฏว่าตอนนั้นมีเครื่องว่างอยู่เครื่องเดียว ก็เลยจัดการเอาไปใส่เครื่องที่ว่าง หลังจากที่ใส่และประกอบเก็บเรียบร้อยแล้ว ก็สังเกตุได้ว่าตัวเคสบริเวณเพาเวอร์ซัพพลายอุ่น ๆ ซึ่งปกติแล้วจะไม่เป็นเช่นนี้ เพราะอยู่ในห้องแอร์

ผมก็เลยเปิดเครื่องใหม่ และอ้อมไปดูเพาเวอร์ซัพพลายด้านหลัง ปรากฏว่าพัดลมของเพาเวอร์ซัพพลายไม่หมุน คงเพราะฝุ่นสีเข้าไปอุดตัน เครื่องที่ร้านผมเคยเกิดกรณีนี้มาแล้วสองเครื่องที่พัดลมเพาเวอร์ซัพพลายไม่หมุน ตอนนั้นผมไปถาม ๆ ที่พันธ์ทิพย์ ปรากฏว่าเค้าไม่ซ่อมกัน ผมก็เลยจัดการซ่อมเอง

วิธีซ่อมก็ไม่ยากครับ เปลี่ยนพัดลมตัวใหม่ วันนี้ก็เลยไปซื้อพัดลมเคสมาเปลี่ยน ครั้งก่อนซื้อได้ตัวละ 20 บาท แต่คราวนี้ร้านที่เคยซื้อไม่มีแล้ว ต้องไปซื้อร้านอื่น 25 บาท โดยแกะเพาเวอร์ซัพพลายออกมาและเอาพัดลมตัวที่เสียออก จากนั้นก็เอาตัวใหม่เปลี่ยนเข้าไป โดยเอาขั้วต่อสายไฟยื่นออกมาข้างนอก เสียบกับขััวต่อของสายเพาเวอร์ข้างนอก

สองตัวก่อนหน้านั้นเมื่อประกอบกลับก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ครั้งนี้เมื่อประกอบกลับแล้วเปิดเครื่อง ปรากฏว่ามีเสียงใบพัดขัดกับอะไรซักอย่าง เสียงดังมาก จึงต้องรื้อออกมาตรวจสอบ ก็ปรากฏว่าใบพัดของพัดลมตัวใหม่ยื่นออกมามากเกินไป อาจเป็นเพราะพัดลมที่ผมซื้อมาคราวนี้เป็นแบบหนาก็ได้ ก็แก้โดยเอามีดเฉือนใบพัดส่วนที่ยื้นออกมาจนไปขัดกับบอร์ดของเพาเวอร์ซัพพลาย

ก็ต้องจำไว้ว่า คราวต่อไปต้องซื้อพัดลมเคสแบบบางเท่านั้น

หลังจากจัดการงานในร้านเรียบร้อย ก็มานั่งเปิดเว็บ และเห็นข่าวประกาศขายอุปกรณ์เน็ตเวอร์คสวิตชิ่งตัวนึง น่าสนใจมาก เพราะราคาปกติสามหมื่นกว่าบาท แต่กลับนำมาขายเพียงสามพันบาท ผมก็เลยโทรไปสอบถาม ปรากฏว่าเหลืออยู่หนึ่งตัว ก็เลยจัดการไปสอยมา

ก็กะว่าจะเก็บไว้เป็นตัวสำรองเผื่อกรณีสวิตชิ่งที่ร้านเสีย ซึ่งที่ร้านผมใช้แค่ 16 พอร์ตเท่านั้น แต่ตัวที่ซื้อมานี้มี 24 พอร์ต

ในช่วงนี้ที่ยังไม่ได้ใช้งาน ก็เลยกะว่าน่าจะลองหาโอกาสทำกำไรจากสินค้าตัวนี้ดู ก็เลยเข้าอีเบย์ไปโพสต์ขาย เผื่อขายได้ก็ได้กำไรกว่าเท่าตัวทีเดียวนะครับ ก็หวังว่าจะมีคนสนใจซื้อไปใช้นะ เพราะเดือนนี้รายได้ของร้านลดลงจากช่วงสามเดือนที่แล้วค่อนข้างเยอะ ประมาณ 10-15 เปอร์เซนต์ทีเดียว

ถ้าขายสวิตช์ตัวนี้ได้ก็จะได้รายได้กลับมาเท่า ๆ กับเดือนก่อน ช่วงนี้ก็ต้องหารายได้ทุกทางละครับ เพื่อน ๆ ก็เอาอย่างผมได้นะครับ ว่าง ๆ ก็หาสินค้าที่น่าสนใจในตลาดมือสองนำมาขายต่อเอากำไร แต่ต้องเก็งให้ดีนะครับ ว่าอะไรน่าจะขายได้หรือไม่ได้ ไม่งั้นทุนจมครับ

วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2551

ข้าวยาก หมากแพง

ช่วงนี้เปิดทีวีดูรายการข่าว ก็จะมีรายงานเกี่ยวกับราคาข้าวและน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ปกติถ้าวันไหนผมไม่ได้ไปไหน ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผมจะหมดไปกับการกิน โดยเป็นการกินข้าวมื้อหลัก ๆ ซะ 70-80% ซึ่งตอนนี้ร้านค้าข้าวแถวบ้านก็ปรับราคาขึ้นจาก 25 เป็น 30 บาท เพิ่มขึ้นมา 20% ทีเดียว

ส่วนถ้าหากผมเดินทางออกไปข้างนอก หากอยู่ในระยะ 2 กิโล ผมก็จะเดินเอา ถ้าไกลกว่านั้น ก็จะนั่งรถประจำทาง ซึ่งตอนนี้ต้องวางแผนการเดินทางให้ต่อรถน้อยคันที่สุด เพราะไปกลับครั้งนึงไม่ต่ำกว่า 20 บาท บางครั้งสูงถึง 50 บาทก็มี

ซึ่งหากมาคำนวนดูแล้ว สมมุติผมทานข้าววันละ 3 มื้อ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มมื้อละ 5 บาท รวม 15 บาท หนึ่งเดือนก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 450 บาททีเดียว โดยเงินเดือนผมตั้งให้ตัวเองอยู่ที่ 20,000 บาท เท่ากับว่าเงินเดือนผมมีอัตราเงินเฟ้อที่ 2.25%

ส่วนราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ณ ขณะนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าอาจพุ่งสูงถึง 150-180 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล เท่ากับว่าราคาปลีกน้ำมันในไทยจะเท่ากับ 45-50 บาท ย่อมส่งผลให้อัตราค่ารถประจำทางต่าง ๆ จะขึ้นไป คงไม่ต่ำกว่า 10-15 บาทต่อครั้ง

แล้วจะแก้วิกฤตินี้อย่างไรได้บ้าง ในเมื่อเงินเดือนด้อยค่าลงและค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น

1. เพิ่มรายได้
2. ลดรายจ่าย

ในการเพิ่มรายได้นั้น ขณะนี้ผมมีรายได้หลักจากร้านอินเตอร์เน็ตอย่างเดียว ซึ่งโอกาสในการปรับค่าบริการสูงขึ้นในขณะนี้คงยังทำไม่ได้ ยกเว้นทุกร้านในละแวกเดียวกันปรับราคาขึ้นพร้อมกัน ดังนั้นคงต้องเพิ่มสินค้าและบริการ หรือเพิ่มช่องทางจำหน่าย

ในส่วนของการเพิ่มสินค้าและบริการนั้น ณ ขณะนี้ผมก็พยายามหาบริการที่เกียวเนื่องกับบริการอินเตอร์เน็ตมาเสริมเรื่อย ๆ เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้กับลูกค้า ทั้งลูกค้าประจำและขาจร

ส่วนการเพิ่มช่องทางจำหน่ายนั้น ตอนนี้ก็มอง ๆ หาพื้นที่ที่จะขยายสาขา หรือทำธุรกิจอื่นเพิ่ม เพราะข้อเสียของธุรกิจบริการอย่างหนึ่งก็คือ ไม่สามารถขยายตัวได้มาก ถ้าจะขยายก็ต้องลงทุนเพิ่มค่อนข้างสูง ดังนั้น ผมจึงมอง ๆ หาธุรกิจซื้อมา-ขายไป หรือธุรกิจผลิตสินค้าเกษตร ซึ่งก็กำลังตัดสินใจอยู่

ในช่วงนี้ผมก็ไปลงเรียนอิเลคทรอนิคส์พื้นฐานที่โรงเรียนฝึกวิชาชีพระยะสั้น เพื่อที่จะได้นำความรู้กลับมาซ่อมคอมฯในร้านด้วยตนเอง พร้อมทั้งรับซ่อมคอมฯให้ลูกค้าด้วย ซึ่งผมมองว่าธุรกิจรับซ่อมคอมฯยังมีโอกาสอยู่พอสมควร แม้ว่าปัจจุบันราคาคอมฯจะลดลงมาระดับหนึ่งแล้วก็ตาม

ในส่วนของการลดรายจ่าย ก็ต้องนำของเสียมาวิเคราะห์ถึงปัญหาว่าต้นเหตุเกิดจากอะไร และจะมีวิธีป้องกันอย่างไร เริ่มตั้งแต่การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ทั้งของร้านและของตัวเอง ต้องหาแหล่งซื้อที่มีราคาต่ำกว่าปัจจุบัน ในขณะที่คุณภาพไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ หมึกพิมพ์ น้ำยาทำความสะอาด และอื่น ๆ ส่วนของข้าวนั้น ก็เปลี่ยนร้านไปทานร้านที่ขายราคาถูกกว่าหรือเปลี่ยนไปกินก๋วยเตี๋ยวแทน

ก็ขอฝากให้เพื่อน ๆ ระมัดระวังค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ดี ควบคุมให้อยู่ในระดับที่อยู่ได้นะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2551

ติดตั้งวิสต้า

ที่ร้านอินเตอร์เน็ตของผม ยังคงใช้วินโดว์สเอ็กซ์พีอยู่ครับ เพราะเครื่องที่ร้านสเปคค่อนข้างต่ำ คือใช้ แอธล่อน 1800 และแรม 256-512 เท่านั้น ซึ่งใช้ร่วมกับเอ็กซ์พีได้ดีครับ ความเร็วในการทำงานยอมรับได้ ส่วนที่ห้องผม ก็มีเครื่องคอมรุ่นเดียวกัน คือ แอธล่อน 1800 และแรม 384 ซึ่งก็ใช้เอ็กซ์พีเช่นเดียวกัน

ผมเคยลองคิดที่จะลงวิสต้า แต่ปรากฏว่าวิสต้าต้องลงจากแผ่นดีวีดี ซึ่งเครื่องผมไม่สามารถอ่านแผ่นดีวีดีได้ อ่านได้เฉพาะแผ่นซีดี และเท่าที่เคยได้ยินมาเครื่องคอมควรมีแรมอย่างต่ำ 1 จิ้ก เพื่อการทำงานที่ราบรื่น ผมก็เลยตัดใจและก็ไม่ได้ลองใช้งานวิสต้า

จนมาเมื่อเดือนที่แล้ว ผมอ่านเว็บไปเจอวินโดว์ วิสต้า ขนาดเล็ก โดยใช้แค่แผ่นซีดีแผ่นเดียวสำหรับติดตั้ง ผมก็เลยไปดาวน์โหลดมา จากนั้นก็เขียนใส่แผ่นซีดีและลองนำมาติดตั้ง

ปรากฏว่าติดตั้งไม่ได้ มีข้อความแสดงความผิดพลาดขึ้นมา ผมก็ไม่แน่ใจว่าเกิดจากอุปกรณ์คอมผมเก่าไปหรือเปล่า ลองอยู่หลายครั้ง ก็แสดงข้อผิดพลาดเช่นเดิม ทัั้ง ๆ ที่ผมฟอร์แมตพาร์ทิชั่นที่จะลงแล้วก็ตาม เพราะวิสต้าเวอร์ชั่นนี้ลงกับเครื่องใหม่เท่านั้น

ก็เลยล้มเลิกไป กลับมาใช้เอ็กซ์พีเหมือนเดิม ซึ่งผมโกสต์ไว้ก่อนที่ผมจะฟอร์แมตไป

จนเมื่อวานนี้ ผมทดลองลงใหม่ ปรากฏว่าลงได้ ซึ่งผมต้องลงอยู่หลายรอบเหมือนกันกว่าจะผ่าน ผมก็เลยอยากจะนำวิธีลงมาเผยแพร่ให้ทราบกัน

เครื่องคอมฯของผม แบ่งพาทิชั่นออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกไว้ลงวินโดว์กับโปรแกรม ส่วนสองไว้เก็บข้อมูล ส่วนสามไว้เก็บไฟล์โกสต์ และทั้งสามพาร์ทิชั่นกำหนดเป็นไพรมารี่ทั้งหมด

อีกเรื่องนึงที่เครื่องผมค่อนข้างแปลกก็คือ ปกติผมจะใช้โปรแกรม Norton Ghost และ Partition Magic จากแผ่น Hirens มาใช้ในการทำโกสต์และแบ่งพาทิชั่น ปรากฏว่าแผ่นไฮเรนเวอร์ชั้่นใหม่ ๆ 9.x มองไม่เห็นซีดีของเครื่อง แต่ถ้าใช้เวอร์ชัน 6.2 กลับมองเห็น ก็แปลกดีครับ

วิธีลงวิสต้าในเครื่องที่แบ่งพาทิชั่นเป็นไพรมารีทั้งหมดมีดังนี้ครับ
1. ใช้งานโปรแกรมจัดการพาทิชั่นฟอร์แมตพาทิชั่นที่ต้องการลง และซ่อนพาทิชั่นอื่นทั้งหมด
2. บูทด้วยแผ่นติดตั้งวิสต้า และเลือกฟอร์แมตพาทิชั่นที่จะใช้ลงจากแผ่นติดตั้งวิสต้า

แค่นี้ละครับ เพราะถ้าไม่ซ่อนจะแสดงข้อผิดพลาดระหว่างติดตั้ง และถ้าไม่ฟอร์แมตจากแผ่นติดตั้ง เมื่อลงโปรแกรมเสร็จจะไม่สามารถเข้าวิสต้าในขั้นตอนสุดท้ายได้ครับ

ตอนนี้ผมก็ใช้งานวิสต้าอยู่ ซึ่งวิสต้าเวอร์ชั่นนี้ก็ได้ตัดคุณสมบัติหลาย ๆ อย่างที่ไม่จำเป็นต่อการใช้งานออกไป และหลังจากได้ทดลองใช้งานดูมาหนึ่งวัน ก็พบว่าการตอบสนองจะช้ากว่าเอ็กซ์พีเล็กน้อยครับ แต่ก็ช่วยให้ผมคุ้นเคยกับวิสต้ามากยิ่งขึ้น เพราะบางครั้งลูกค้านำเครื่องคอมมาให้แก้ปัญหา ก็จะได้ใช้งานได้

ปล. ข่าวดีก็คือ ไมโครซอฟท์ยืดอายุเอ็กซ์พีออกไปอีกสองปี หลังจากเคยวางแผนว่าจะหยุดจำหน่ายเดือนมิ.ย.08 นั่นก็ทำให้เครื่องคอมฯผมสามารถใช้หากินได้อีกอย่างน้อยสองปี แต่ปัญหาจริง ๆ ตอนนี้ก็คือ ออฟฟิศ2007 ที่ OO.o เวอร์ชั่นปัจจุบัน 2.4 ยังไม่รองรับไฟล์ของ 2007 จนกว่าจะออกเวอร์ชั่นใหม่ในเดือนก.ย. ก็รอต่อไปครับ

MythBuster

เมื่อวานนี้ผมไปบ้านหม้อ ไปซื้ออุปกรณ์สำหรับนำมาซ่อมหูฟังที่ร้าน หูฟังที่ร้านผมจะเป็นหูฟังแบบเกี่ยวหู ซึ่งโดยปกติแล้วจะต้องเปลี่ยนฟองน้ำ 1-2 เดือนต่อครั้ง

ผมเคยไปบ้านหม้อมาหลายครั้งเพื่อหาซื้อฟองน้ำนี้ และจะเห็นเฉพาะรุ่นขายปลีก คู่ละ 15 บาท ถือว่าราคาสูงมาก จนเมื่อวานที่ผมไปเดิน ก็ไปเจอะเจอร้านนึงจำหน่ายฟองน้ำนี้โดยตรง ถามดูราคาปลีกคู่ละ 5 บาท ราคาส่ง 50 คู่ เหลือ 3 บาท ผมก็เลยซื้อมา 50 คู่

จากนั้นก็ซื้อ MultiMeter, หัวแร้ง, ตะกั่ว, น้ำยาเช็ดกระจกกลับมา เพื่อนำมาซ่อมหูฟังที่เสีย ๆ ก็เดินเลือกซื้อตั้งแต่บ้านหม้อไปจนถึงร้านอมรที่ดิโอลด์สยาม

สมัยก่อนผมเคยทำงานแถววัดสุทัศน์ ซึ่งจะอยู่ใกล้ ๆ กับแยกอุณากรรณ์ ซึ่งเป็นแยกที่มีร้านจำหน่ายปืนเยอะมาก เป็นแหล่งรวมเลยล่ะ

สมัยนั้นเที่ยง ๆ ก็มีแวะไปเดินที่ดิโอลด์บ้าง ไปกินขนมหวานตามซุ้มต่าง ๆ ที่อยู่โถงด้านล่าง หวานมันอร่อยครับ แนะนำ

ซื้อของต่าง ๆ เรียบร้อยแล้วก็นั่งรถเมล์ปอ.60 กลับ ตอนขาไป 14 บาท แต่ขากลับ 12 บาท ก็แปลกดีครับ ช่วงที่ผมนั่งรถขาไปนั้น ผมก็นั่งอยู่บริเวณแถวด้านหน้า ไม่ไกลจากคนขับเท่าไรนัก ก็ได้ยินคนขับคุยกับคนเก็บเงิน เกี่ยวกับเครื่องดื่มชูกำลังอยู่

คนขับก็แนะนำให้กระเป๋าทราบว่า ก่อนดื่มเครื่องดื่มพวกนี้ อย่าให้ท้องว่าง เพราะเครื่่องดื่มนี้จะเข้าไปกัดกระเพาะ เนื่องจากประสบการณ์ของคนขับเคยเอาเครื่องดื่มนี้แช่เหรียญบาทดำ ๆ เมื่อแช่ไว้สักระยะหนึ่ง เอาเหรียญบาทขึ้นมา ปรากฏว่าเหรียญบาทสะอาดเหมือนใหม่เลย

ก็ถือว่าเป็นคุณสมบัติซ่อนเร้นของเครื่องดื่มนี้นะครับ ซึ่งผมก็นั่งฟัง แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อนัก นอกจากจะได้เห็นด้วยตาตนเองซะก่อน

และพอพูดถึงเรื่องการพิสูจน์ความเชื่อแล้ว อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า วันที่ผมเฝ้าร้านเน็ต ผมจะเปิดดูทีวีออนไลน์ ซึ่งช่องที่ผมดูประจำก็คือ ช่อง Discovery ซึ่งช่วงนี้จะมีรายการที่น่าดูอยู่รายการหนึ่ง ก็คือ MythBuster ซึ่งเป็นรายการที่ทำการพิสูจน์ความเชื่อต่าง ๆ ว่าเป็นจริงหรือไม่

เป็นรายการที่น่าสนใจมาก ทำให้เราได้รู้จริงในสิ่งต่าง ๆ และฝึกให้คนเราเป็นคนที่ไม่หลงเชื่ออะไรง่าย ๆ ซึ่งผมอยากให้สถานีโทรทัศน์ฟรีของบ้านเรานำมาออกอากาศบ้าง เพราะตอนนี้มีเฉพาะในเคเบิลทีวี

ผมก็ยังไม่ได้ทำการพิสูจน์หรอกครับว่าคำพูดที่พนักงานขับรถบอกเล่านั้นเป็นความจริงหรือไม่ แต่ถ้าหากวันนึงผมซื้อเครื่องดื่มชนิดนี้มาดื่มแล้ว ไว้ผมจะทดลองให้ทราบกันนะครับ

ส่วนเมื่อกลับบ้านมา ผมก็จัดการซ่อมหูฟังที่เสียอยู่ 3 อัน ก็จับมายำรวมกันได้ 2 อัน เพราะมีลำโพงเสียอยู่ 2 ตัว แล้วไว้ผมค่อยกลับไปซื้อหูฟังถูก ๆ ที่บ้านหม้อมาถอดอะหลั่ยเปลี่ยน 30 บาท/อัน บวกกับตัวดูดตะกั่วกลับมาใช้งานด้วย

ช่วงนี้ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ค่าชั่วโมงอินเตอร์เน็ตของร้านก็ไม่สามารถขึ้นได้ ก็ต้องพยายามประหยัด อะไรซ่อมได้ก็ต้องซ่อมครับ นอกจากได้ความรู้แล้ว เรายังได้ความภูมิใจในการทำงานของเราด้วยนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2551

ดูทีวีออนไลน์

เวลาที่ผมไปเฝ้าร้านเน็ต ถ้าหากลูกค้ามีประมาณครึ่งเดียว ผมจะแอบเปิดทีวีออนไลน์ดู ซึ่งปกติผมจะชอบดูรายการสารคดี เช่น สำรวจโลก, ดิสคัฟเวอรี่ หรือ อีดีเอ็น

ซึ่งมีเว็บให้บริการดูทีวีออนไลน์ที่ผมมักเข้าไปใช้งานก็คือ www.siamtv.org และอื่น ๆ ซึ่งช่วยให้ผมคลายความง่วงไปได้บ้าง แต่ก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนัก เพราะต้องเปิดเว็บเบราเซอร์ก่อน

ดังนั้นผมจึงก็อปปี้โค๊ดของเว็บเหล่านั้นมารวมกันเป็น play list เก็บไว้เปิดจาก Microsoft Media Manager โดยตรง และข้างล่างนี้เป็นโค๊ดของสถานีทีวีช่องต่าง ๆ ครับ


<?wpl version="1.0"?>
<smil>
<head>
<meta name="Generator" content="Microsoft Windows Media Player -- 9.0.0.4503"/>
<author/>
<title>TV</title>
</head>
<body>
<seq>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/sumruajlok.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/discovery.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/liveedn.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/tv3_512.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/tv5.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/tv7a.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/tv9.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/tv11.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/itv_350.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/livemovie.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/mvtv1.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/money.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/nick.asx"/>
<media src="http://tv.thai4promotion.com/asxfile/138.asx"/>
<media src="http://tv.thai4promotion.com/asxfile/97.asx"/>
<media src="http://www.9cast.net/streaming/thai-moviesplus-23324.asx"/>
<media src="http://www.9cast.net/streaming/inter-nationalgeo-geo343e.asx"/>
<media src="http://www.9cast.net/streaming/inter-homecinema-34ewr.asx"/>
<media src="mms://www.reelgood.tv/reelgoodtv"/>
<media src="mms://203.150.230.89/etv?WMContentBitrate=150000""/>
</seq>
</body>
</smil>


ก็ขอให้ก็อปปี้โค๊ดเหล่านี้ไปไว้ใน notepad แล้วเซฟ จากนั้นเปลี่ยนชื่อไฟล์เป็น tv.wpl แล้วดับเบิ้ลคลิกไฟล์เปิดดูทีวีช่องต่าง ๆ ได้เลยครับ อ้อ มีเฉพาะสถานีที่ผมสนใจเท่านั้นนะครับ

ส่วนถ้าดึกหน่อย หลังเที่ยงคืนไปแล้ว เหลือลูกค้าราย-สองราย ผมก็เปิด Veoh ดูซีรี่ย์ต่าง ๆ โดยช่วงนี้ผมกำลังดู MacGuyver อยู่ เพราะประทับใจสมัยดูตอนเด็ก ๆ MacGyver เป็นพระเอกที่ไม่ใช้ปืน จะใช้ความรอบรู้ทางด้านวิชาการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฟิสิกส์ ชีววิทยา เคมี ความรู้รอบตัว และปัญญาในการเอาตัวรอด หากใครไม่เคยดู ลองดูนะครับ สนุกดี มีทั้งหมด 7 Series ประมาณ 60 ตอน ใน Veoh ให้เสิร์ชหาคำว่า Angus ครับ

แต่ยังไงก็แล้วแต่ ไม่ควรเปิดดูในขณะที่มีลูกค้าเยอะ ๆ นะครับ เพราะจะไปแย่งแบนด์วิธของลูกค้ามา ยังไง ๆ ก็ต้องนึกถึงลูกค้าก่อนนะครับ ถ้าเน็ตช้า ลูกค้าหาย ก็ไม่มีโอกาสมานั่งดูแบบนี้หรอกครับ

เกมกลยุทธ์

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เป็นวันแรกที่รายการเกมกลยุทธ์ทางโมเดิร์นไนน์ออกอากาศ ผมก็นั่งคอยดูว่ารูปแบบรายการจะออกมาเป็นอย่างไร หลังจากดูจบก็เสียดายเล็กน้อย เพราะรูปแบบรายการยังไม่ลงตัวนัก ถ้าเปรียบเทียบกับรายการเรียลลิตี้อื่น ๆ

ในความเห็นของผม รายการควรแนะนำตัวผู้เข้าแข่งขันก่อน ว่าเหตุใดพวกเขาเหล่านั้นจึงถูกคัดเลือกเข้ามาเล่นในเกมนี้ มีความคิดหรือความสามารถพิเศษอย่างไร เพื่อจะได้ให้น้อง ๆ นักศึกษาที่ศึกษาทางด้านบริหารธุรกิจเรียนรู้ได้ ว่าจริง ๆ แล้ว ความรู้ความสามารถอะไรบ้างที่ธุรกิจต้องการ เพื่อจะได้เตรียมความพร้อมก่อนทำงาน

ในเทปแรกนี้ต้องบอกว่า ไร้กลยุทธ์ครับ แม้ทางรายการจะพยายามกล่าวอ้างว่ามีการใช้กลยุทธ์หลาย ๆ อย่างก็ตาม แต่ผมก็ยังมองไม่เห็นกลยุทธ์การตลาดใด ๆ ต้องบอกว่าเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของพนักงานขายมากกว่าการวางแผนกลยุทธ์ ไม่มีกลยุทธ์ที่เป็นรูปร่างที่จะช่วยส่งเสริมให้ความเป็นอยู่ของผู้บริโภคดีขึ้นเลย มีเพียงการแข่งขันกันขายสินค้า โดยไม่สนใจวิธีการใด ๆ

ซึ่งในชีวิตจริง การทำเช่นนี้ จะเป็นการฝึกให้พนักงานมีวิสัยทัศน์เอาตัวรอด ไม่มีจรรยาบรรณ ซึ่งส่งผลให้การทำธุรกิจในระยะยาวยากลำบากขึ้น และธุรกิจเสียหายทั้งยอดขายและกำไร แทนที่รายการนี้จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของโอสถสภา แต่กลับเป็นการนำเอาวัฒนธรรมที่ไม่ดีขององค์กรมาเผยแพร่ซะมากกว่า และการวางกลยุทธ์การตลาด เราต้องวางแผนล่วงหน้าอย่างต่ำ 1 ปีครับ และใช้ส่วนผสมทางการตลาดอย่างเหมาะสม

ผมอยากเห็นการนำเสนอแผนงานแข่งขันกัน พร้อมทั้งการวิจารณ์แผนงานนั้น ๆ มากกว่า แม้จะไม่ได้นำไปปฏิบัติจริง ๆ ก็ตาม หรือเป็นเพราะว่านี่คือเทปแรกของรายการ แต่ถ้าหากเทปต่อ ๆ ไป ยังทำได้ไม่ดีกว่านี้ละก็ ผมว่ายกเลิกรายการไปดีกว่า เพราะไม่ได้ให้ประโยชน์กับฝ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

และอยากให้นำธุรกิจ OTOP หรือ SMEs มาสร้างกลยุทธ์แข่งกัน เพื่อช่วยพัฒนาธุรกิจขนาดเล็กที่มีโอกาสน้อยมาเผยแพร่ เพื่อเป็นตัวอย่างในการทำงานของธุรกิจขนาดเล็กอื่น ๆ ได้

ส่วนแง่คิดดี ๆ ที่ได้จากตอนแรกนี้ ที่จำได้มีดังนี้ครับ

  1. คอนเนคชั่น นักธุรกิจที่ดี ต้องรู้จักกับบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานอาชีพสาขาต่าง ๆ และมีความรอบรู้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเดี๋ยวนี้ บริษัทต่าง ๆ จะรับนักศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป เพราะนักศึกษาปริญญาโทเหล่านี้จะรู้จักกับบุคคลต่าง ๆ ในวิชาชีพเดียวกัน และผ่านประสบการณ์การทำงานมาในระดับหนึ่ง นอกจากนั้นก็ตัดเหตุผลในการลาออกว่าจะไปศึกษาต่อได้
  2. ผู้นำ ทุกทีมต้องมีผู้นำ ในครั้งนี้ทุกคนต่างเข้ามาในจุดที่เท่าเทียมกันทั้งหมด และทางทีมงานก็ไม่ได้ให้ที่ปรึกษา จริง ๆ แล้วการทำงานเป็นทีม สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกก็คือ เลือกหัวหน้า ที่จะเป็นคนคุมภาพทั้งหมด เหมือนทีมฟุตบอล ต้องมีโค๊ช ที่จะแจกจ่ายงานให้แต่ละคนทำ และวางกลยุทธ์แก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ใช่ทุกคนอยากเป็นกองหน้า ไม่มีใครยอมเป็นผู้รักษาประตูหรือกองหลัง
  3. ห้ามล้มเลิก มีคนเคยพูดว่า คนเราไม่มีคำว่าล้มเหลว จะมีก็แต่คำว่าล้มเลิก ในช่วงท้ายรายการที่มีการให้โหวตว่าใครคือจุดอ่อน ทุกคนตกลงกันโหวตให้ตัวเองเป็นจุดอ่อน จริง ๆ ในกรณีนี้ไม่ควรโหวตใครเลย แต่ต้องต่อรองขอโอกาสในการทำงานอีกครั้ง เพราะในการทำงานจริง การทำพลาด ถือว่าเป็นการเรียนรู้ที่จะสำเร็จในอนาคต หากเรายอมแพ้ทันทีที่พลาด ความเสียหายก็จะเกิดทั้งกับองค์กรและตัวเราเอง

ผมก็คงติดตามรายการนี้ต่อไป เพราะการดูรายการนี้จะช่วยทบทวนการทำงานที่ผ่านมาของผมด้วย โดยเราสามารถศึกษาความสำเร็จและความล้มเหลวในการทำงานได้พร้อม ๆ กัน

คิดเงินค่าเน็ต

ที่ร้านผม ให้บริการเฉพาะอินเตอร์เน็ต ไม่มีเกม เพราะผมไม่มีความรู้เรื่องเกมเลย เล่นได้แต่เกม Sudoku ส่วนเกมออนไลน์ต่าง ๆ ไม่เคยเล่นเลยครับ ค่าบริการของที่ร้าน ก็คิดชั่วโมงละ 20 บาท เริ่มต้นที่ 10 บาทสำหรับ 30 นาทีแรก และคิดเพิ่ม 5 บาทสำหรับทุก 15 นาทีถัดไป โดยผมเปิดบริการตั้งแต่เวลา 11:00 am - 02:00 am

ผมมีเครื่องให้บริการทั้งหมด 14 เครื่อง และมีเครื่องคิดเงินอีก 1 เครื่อง โดยไม่มีเซิร์ฟเวอร์ครับ ใช้แชร์ความเร็วเน็ตผ่านสวิตซิ่งเลยครับ ช่วงที่เปิดร้านใหม่ ๆ ผมก็ใช้งานโปรแกรม ncafe 1.86 โดยผมลงเฉพาะที่เครื่องคิดเงิน เพราะผมไม่ได้สั่งซื้อโปรแกรมมาใช้งาน

เวลาลูกค้าเดินเข้ามาใช้งาน ผมก็จะคลิกให้โปรแกรมเริ่มจับเวลา โดยผมกำหนดค่าใช้งานในโปรแกรม เท่ากับ 20 บาท /60 นาที = 0.33 บาท/นาที และเริ่มต้นที่ 10 บาท หากลูกค้าเล่นไม่ครบเวลาที่ลงตัว อย่างเช่น ใช้งาน 40 นาที โปรแกรมจะคำนวนได้เท่ากับ 13 บาท ผมก็จะใช้วิธีปัดขึ้นเป็น 15 บาท แต่ถ้าคำนวนได้ 12 บาท ผมก็จะปัดลง

ผมก็ใช้งานวิธีนี้อยู่ 4 เดือน โดยมีข้อเสียที่เห็นได้ชัดคือ ต้องคอยปัดตัวเลขด้วยตนเอง และหากลูกค้าเข้ามาใช้งานโดยที่มองไม่เห็นว่าเข้ามาเมื่อไรหรือขณะที่ลูกค้าเข้ามาใช้งานผมไปเข้าห้องน้ำ ก็จะไม่สามารถลงเวลาเริ่มต้นที่แท้จริงได้

ผมก็เลยมองหาโปรแกรมอื่นที่สามารถใช้งานในลักษณะ Client-Server มาใช้งานแทน ก็ช่วยลดปัญหาดังกล่าวลงไปได้

แต่ที่จะคุยให้ฟังในวันนี้ก็คือ ช่วงที่ผมใช้งาน ncafe นั้น ปรากฏว่าเครื่องที่ใช้คิดเงินนั้นมีปัญหาบ่อยมาก โดยจะค้างบ่อยมาก ทำให้ไม่สามารถคำนวนค่าใช้บริการของลูกค้าได้

ผมเลยเขียนไฟล์เอ็กเซลสำหรับใช้คำนวนค่าบริการขึ้นมา ซึ่งสามารถนำไปใช้งานที่เครื่องไหนก็ได้ เช่น หากเครื่องคิดเงินใช้งานไม่ได้ ก็นำไฟล์เอ็กเซลนี้ไปเปิดที่เครื่องใดเครื่องอื่นแทน ก็ใช้สำหรับคำนวนชั่วคราวเท่านั้นครับ

หน้าตาของไฟล์และสูตรการคำนวนมีดังนี้ครับ

มาดูสูตรและการจัดรูปแบบในแต่ละคอลัมน์นะครับ

คอลัมน์ B กับ C ใช้คำสั่ง Data > Validation ดังนี้ครับ เพื่อให้การใส่ตัวเลขเวลาถูกต้อง โดยจัดรูปแบบเป็น h:mm

คอลัมน์ D กำหนด Validate เฉพาะแท็บ Input Message ครับ

คอลัมน์ E กำหนดสูตรดังนี้ครับ (ตัวอย่างจากเซลล์ E7)
=IF(C7="",0,IF(C7<b7,1+value(c7)-value(b7),value(c7)-value(b7)))

คอลัมน์ F กำหนดสูตรดังนี้ครับ (ตัวอย่างจากเซลล์ F7)
=IF(VALUE(E7)<0.021,if(e7=0,0,10),round((value(e7)*489.6)/5,0)*5)

คอลัมน์ G กำหนดสูตรดังนี้ครับ (ตัวอย่างจากเซลล์ G7)
=sum(d7,f7)

สุดท้ายจัด Conditional Format ของคอลัมน์ A ถึง G ดังนี้ (ตัวอย่างจากแถวที่ 7)

วิธีใช้งานก็คือ
  1. เมื่อลูกค้าเข้ามาใช้งานที่เครื่องหมายเลขใด ก็เลื่อนไปที่คอลัมน์ B ของเครื่องหมายเลขนั้น แล้วกดแป้น Ctrl+Shift+; เพื่อใส่เวลาเริ่มใช้งาน
  2. เมื่อลูกค้าเลิกใช้งาน ก็เลื่อนไปที่คอลัมน์ C ของเครื่องนั้น แล้วกดแป้น Ctrl+Shift+; เพื่อใส่เวลาเลิกใช้
  3. ถ้าลูกค้ามีการใช้งานบริการอื่น เช่น ปริ้นท์ ก็ใส่ค่าบริการอื่นในคอลัมน์ D ด้วย
  4. เก็บเงินลูกค้าตามยอดเงินในคอลัมน์ G
  5. ลบข้อมูลเดิมในคอมลัมน์ B, C และ D

ก็ฝากไว้เป็นแนวทางให้เพื่อน ๆ นำไปใช้ละกันครับ ถ้าไม่เข้าใจตรงจุดไหนก็สอบถามเข้ามาได้ครับ

ปัจจุบันไฟล์นี้ผมเก็บไว้ แต่ไม่ได้ใช้แล้ว เพราะตอนนี้เครื่องคิดเงินก็ไม่มีปัญหาแล้ว โดยนำไปซ่อม ซึ่งปัญหาเกิดจาก Capacitor บนเมนบอร์ดบวมครับ ก็เปลี่ยนใหม่ แต่ก็ยังใช้งานไม่ได้ ผมก็เลยซื้อเมนบอร์ดใหม่มาใช้แทนครับ

วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2551

ความหมายของตัวอักษร LED ของ Canon MP160

เคยสงสัยมั้ยครับว่า ตัวอักษรบนหน้าจอ LED ของปริ้นเตอร์มีความหมายว่าอย่างไร และมีวิธีใช้งานอย่างไร สมัยที่ซื้อมาใช้ใหม่ ๆ ด้วยความที่ผมเป็นคนที่คุ้นเคยกับการใช้งานอุปกรณ์คอมฯต่าง ๆ อยู่แล้ว ก็ไม่เคยอ่านคู่มือการใช้งานที่แถมมาด้วยเลย

จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมก็ว่างมาก ก็เข้าไปถามหลาย ๆ คนในหลาย ๆ เว็บบอร์ด ก็ไม่มีใครตอบเลย จนผมกลับมานั่งอ่านคู่มือการใช้งาน ก็ปรากฏว่าทุกอย่างมีอยู่ในคู่มือการใช้งานอยู่แล้ว ทั้งข้อควรระวังในการเปลี่ยนตลับหมึก วิธีการตรวจบำรุงเครื่องปริ้นท์ และรหัสข้อผิดพลาดต่าง ๆ

ก็เลยอยากให้เพื่อน ๆ อ่านคู่มือการใช้งานก่อนที่จะไปตั้งคำถามถามแบบผมนะครับ และผมได้รวบรวมความหมายและวิธีการใช้งานจากการอ่านคู่มือมาบอกต่อกันดังนี้ครับ

A - พิมพ์รูปแบบตรวจหัวฉีด (พิมพ์ 4 สี ใช้กระดาษ 1 แผ่น)
H - การทำความสะอาดหัวฉีด (1 รอบ)
y - การทำความสะอาดหัวฉีดอย่างละเอียด (3 รอบ)
P - จัดหัวพิมพ์อัตโนมัติ
U - จัดหัวพิมพ์ด้วยตนเอง (ให้วางแผ่นรูปแบบหัวพิมพ์บนแท่นสแกนก่อนเริ่ม)
L - พิมพ์รูปแบบหัวพิมพ์ปัจจุบัน (ใช้กระดาษ 1 แผ่น)
b - ทำความสะอาดลูกกลิ้ง (ใช้กระดาษ 3 แผ่น)
J - ทำความสะอาดแผ่นด้านล่าง (ใช้กระดาษ 1 แผ่น)

วิธีใช้งาน
กดปุ่ม Maintenance (รูปเครื่องมือ อยู่ซ้ายสุด) จน LED ขึ้นตัวอักษรที่ต้องการ แล้วกดปุ่ม Color

วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2551

พอลล่า

วันนี้นั่งดูโฆษณาแคนนอนชุดใหม่ ชอบมาก ๆ เลย เพราะได้พอลล่ามาแสดง โดยเฉพาะฉากค่อย ๆ ยิ้มขณะเล่นเครื่องสาย ยิ้มน่ารักมากเลยครับ
ผมในฐานะที่แอบเป็นแฟนคลับคนนึงของเธอ ก็รีบเลยครับ ไปดาวน์โหลดโฆษณาชุดนี้มาดู ก็จากเว็บประจำครับ http://www.adintrend.com/

ที่เวบนี้ผมมักจะเข้าไปดาวน์โหลดโฆษณาตลก ๆ มาดูคลายอารมณ์เวลาที่เบื่อ ๆ

พูดถึงโฆษณาตลก ๆ ช่วงนี้ก็มี โฆษณาตลกร้ายของ สสส. เรื่องไม่ซ้อนคนเมา น่ะตลกดี ผมชอบนะโฆษณาของ สสส. ทำออกมาทุกชุดได้ดีครับ

ถ้าพูดถึงพอลล่าแล้ว ข้อดีของพอลล่าก็คือความน่ารัก และดูอ่อนวัย นั่นทำให้เราเห็นว่าโฆษณาที่พอลล่าแสดง จะพุ่งไปที่กลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นเท่านั้น แม้จะมีหัวงูแบบผมปะปนอยู่บ้างก็ตาม

เพราะเจ้าของสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนวัยทำงาน จะยังไม่แน่ใจในพฤติกรรมของพอลล่ามากนัก เพราะด้วยความที่เธอยังมองเป็นเด็ก อาจจะกระทำการใด ๆ ที่อาจส่งผลเสียต่อตัวสินค้าได้

แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน ผมคงเห็นพอลล่าแสดงในหนังโฆษณาประเภทอื่น ๆ มากขึ้น

สิ่งหนึ่งที่พอลล่าอาจจะต้องฝึกไว้ก็คือ การร้องเพลง เพราะหากได้เป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้าที่จำเป็นต้องออกไปโชว์ตัวแล้วละก็ คงหลีกไม่พ้นที่จะต้องทำกิจกรรมบางอย่าง ซึ่งกิจกรรมที่เป็นที่นิยมมากในการโชว์ตัวก็คือ การร้องเพลงนั่นเอง

ก็แค่อยากเห็นเร็ว ๆ ครับ

ส่วนถ้าจะพูดถึงโฆษณาที่ทำออกมาถูกต้องตามหลักการทำโฆษณาแล้วละก็ อยากให้เพื่อน ๆ ดูโฆษณารถกระบะอีซูซุที่ก็อต จักรพันธ์แสดงและของรถกระบะวีโก้ที่คุณปัญญา แสดง

แล้วคอยสังเกตคำพูด ท่าทาง จังหวะของคำกับภาพและท่าทาง ซึ่งทำออกมาได้เหมาะเจาะ ลงตัวกับวิธีการทำโฆษณาครับ

กลับมาพูดถึงแคนน่อนซักนิด ต้องบอกว่าแคนน่อนมีการโฆษณาสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ส่วนหนึ่งต้องบอกว่าสินค้าของแคนน่อนเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ เพียงแต่ต้องบอกว่านโยบายทางด้านการบริการหลังการขายยังไม่ถูกต้องนัก

เรื่องนี้ต้องยกมาจากประสบการณ์ส่วนตัว กับเครื่องปริ้นเตอร์ของผมที่เคยคุยให้ฟังไปแล้ว

ในส่วนของปริ้นเตอร์อิงค์เจ็ตนั้น ทุกบริษัทมีนโยบายทำกำไรจากหมึกพิมพ์ ดังนั้นจึงเน้นการกระจายขายเครื่องให้มากที่สุด ซึ่งกลวิธีหนึ่งก็คือการตั้งราคาต่ำ เพื่อจูงใจกลุ่มเป้าหมายให้ซื้อเครื่องไปใช้งาน ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับกลยุทธ์นี้

แต่ทำไมเวลาที่เครื่องมีอาการขัดข้องขึ้นมา ค่าอะไหล่กับค่าบริการถึงได้แพงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อเครื่องใหม่ เช่น ซ่อมชุดฟีดกระดาษ ลูกค้าต้องจ่ายถึง 900 กว่าบาท คิดเป็นสัดส่วน 40% ของราคาเครื่องใหม่ ซึ่งเรื่องนี้ขัดแย้งกับนโยบายแรก ที่แคนน่อนตั้งใจจะทำกำไรกับการขายหมึกพิมพ์

เพราะฉะนั้น แคนน่อนจะตัองระวังในการวางนโยบายทั้งหมดไม่ให้ขัดแย้งกัน ต้องอย่าลืมว่าแคนน่อนเป็นบริษัทจัดจำหน่ายสินค้า ไม่ใช่บริษัทจัดจำหน่ายบริการ ที่จะมาหากำไรเป็นกอบเป็นกำจากการเข้ามารับบริการ