วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2551

ข้าวยาก หมากแพง

ช่วงนี้เปิดทีวีดูรายการข่าว ก็จะมีรายงานเกี่ยวกับราคาข้าวและน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ปกติถ้าวันไหนผมไม่ได้ไปไหน ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผมจะหมดไปกับการกิน โดยเป็นการกินข้าวมื้อหลัก ๆ ซะ 70-80% ซึ่งตอนนี้ร้านค้าข้าวแถวบ้านก็ปรับราคาขึ้นจาก 25 เป็น 30 บาท เพิ่มขึ้นมา 20% ทีเดียว

ส่วนถ้าหากผมเดินทางออกไปข้างนอก หากอยู่ในระยะ 2 กิโล ผมก็จะเดินเอา ถ้าไกลกว่านั้น ก็จะนั่งรถประจำทาง ซึ่งตอนนี้ต้องวางแผนการเดินทางให้ต่อรถน้อยคันที่สุด เพราะไปกลับครั้งนึงไม่ต่ำกว่า 20 บาท บางครั้งสูงถึง 50 บาทก็มี

ซึ่งหากมาคำนวนดูแล้ว สมมุติผมทานข้าววันละ 3 มื้อ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มมื้อละ 5 บาท รวม 15 บาท หนึ่งเดือนก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 450 บาททีเดียว โดยเงินเดือนผมตั้งให้ตัวเองอยู่ที่ 20,000 บาท เท่ากับว่าเงินเดือนผมมีอัตราเงินเฟ้อที่ 2.25%

ส่วนราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ณ ขณะนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าอาจพุ่งสูงถึง 150-180 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล เท่ากับว่าราคาปลีกน้ำมันในไทยจะเท่ากับ 45-50 บาท ย่อมส่งผลให้อัตราค่ารถประจำทางต่าง ๆ จะขึ้นไป คงไม่ต่ำกว่า 10-15 บาทต่อครั้ง

แล้วจะแก้วิกฤตินี้อย่างไรได้บ้าง ในเมื่อเงินเดือนด้อยค่าลงและค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น

1. เพิ่มรายได้
2. ลดรายจ่าย

ในการเพิ่มรายได้นั้น ขณะนี้ผมมีรายได้หลักจากร้านอินเตอร์เน็ตอย่างเดียว ซึ่งโอกาสในการปรับค่าบริการสูงขึ้นในขณะนี้คงยังทำไม่ได้ ยกเว้นทุกร้านในละแวกเดียวกันปรับราคาขึ้นพร้อมกัน ดังนั้นคงต้องเพิ่มสินค้าและบริการ หรือเพิ่มช่องทางจำหน่าย

ในส่วนของการเพิ่มสินค้าและบริการนั้น ณ ขณะนี้ผมก็พยายามหาบริการที่เกียวเนื่องกับบริการอินเตอร์เน็ตมาเสริมเรื่อย ๆ เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้กับลูกค้า ทั้งลูกค้าประจำและขาจร

ส่วนการเพิ่มช่องทางจำหน่ายนั้น ตอนนี้ก็มอง ๆ หาพื้นที่ที่จะขยายสาขา หรือทำธุรกิจอื่นเพิ่ม เพราะข้อเสียของธุรกิจบริการอย่างหนึ่งก็คือ ไม่สามารถขยายตัวได้มาก ถ้าจะขยายก็ต้องลงทุนเพิ่มค่อนข้างสูง ดังนั้น ผมจึงมอง ๆ หาธุรกิจซื้อมา-ขายไป หรือธุรกิจผลิตสินค้าเกษตร ซึ่งก็กำลังตัดสินใจอยู่

ในช่วงนี้ผมก็ไปลงเรียนอิเลคทรอนิคส์พื้นฐานที่โรงเรียนฝึกวิชาชีพระยะสั้น เพื่อที่จะได้นำความรู้กลับมาซ่อมคอมฯในร้านด้วยตนเอง พร้อมทั้งรับซ่อมคอมฯให้ลูกค้าด้วย ซึ่งผมมองว่าธุรกิจรับซ่อมคอมฯยังมีโอกาสอยู่พอสมควร แม้ว่าปัจจุบันราคาคอมฯจะลดลงมาระดับหนึ่งแล้วก็ตาม

ในส่วนของการลดรายจ่าย ก็ต้องนำของเสียมาวิเคราะห์ถึงปัญหาว่าต้นเหตุเกิดจากอะไร และจะมีวิธีป้องกันอย่างไร เริ่มตั้งแต่การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ทั้งของร้านและของตัวเอง ต้องหาแหล่งซื้อที่มีราคาต่ำกว่าปัจจุบัน ในขณะที่คุณภาพไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ หมึกพิมพ์ น้ำยาทำความสะอาด และอื่น ๆ ส่วนของข้าวนั้น ก็เปลี่ยนร้านไปทานร้านที่ขายราคาถูกกว่าหรือเปลี่ยนไปกินก๋วยเตี๋ยวแทน

ก็ขอฝากให้เพื่อน ๆ ระมัดระวังค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ดี ควบคุมให้อยู่ในระดับที่อยู่ได้นะครับ

ไม่มีความคิดเห็น: