ในความเห็นของผม รายการควรแนะนำตัวผู้เข้าแข่งขันก่อน ว่าเหตุใดพวกเขาเหล่านั้นจึงถูกคัดเลือกเข้ามาเล่นในเกมนี้ มีความคิดหรือความสามารถพิเศษอย่างไร เพื่อจะได้ให้น้อง ๆ นักศึกษาที่ศึกษาทางด้านบริหารธุรกิจเรียนรู้ได้ ว่าจริง ๆ แล้ว ความรู้ความสามารถอะไรบ้างที่ธุรกิจต้องการ เพื่อจะได้เตรียมความพร้อมก่อนทำงาน
ในเทปแรกนี้ต้องบอกว่า ไร้กลยุทธ์ครับ แม้ทางรายการจะพยายามกล่าวอ้างว่ามีการใช้กลยุทธ์หลาย ๆ อย่างก็ตาม แต่ผมก็ยังมองไม่เห็นกลยุทธ์การตลาดใด ๆ ต้องบอกว่าเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของพนักงานขายมากกว่าการวางแผนกลยุทธ์ ไม่มีกลยุทธ์ที่เป็นรูปร่างที่จะช่วยส่งเสริมให้ความเป็นอยู่ของผู้บริโภคดีขึ้นเลย มีเพียงการแข่งขันกันขายสินค้า โดยไม่สนใจวิธีการใด ๆ
ซึ่งในชีวิตจริง การทำเช่นนี้ จะเป็นการฝึกให้พนักงานมีวิสัยทัศน์เอาตัวรอด ไม่มีจรรยาบรรณ ซึ่งส่งผลให้การทำธุรกิจในระยะยาวยากลำบากขึ้น และธุรกิจเสียหายทั้งยอดขายและกำไร แทนที่รายการนี้จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของโอสถสภา แต่กลับเป็นการนำเอาวัฒนธรรมที่ไม่ดีขององค์กรมาเผยแพร่ซะมากกว่า และการวางกลยุทธ์การตลาด เราต้องวางแผนล่วงหน้าอย่างต่ำ 1 ปีครับ และใช้ส่วนผสมทางการตลาดอย่างเหมาะสม
ผมอยากเห็นการนำเสนอแผนงานแข่งขันกัน พร้อมทั้งการวิจารณ์แผนงานนั้น ๆ มากกว่า แม้จะไม่ได้นำไปปฏิบัติจริง ๆ ก็ตาม หรือเป็นเพราะว่านี่คือเทปแรกของรายการ แต่ถ้าหากเทปต่อ ๆ ไป ยังทำได้ไม่ดีกว่านี้ละก็ ผมว่ายกเลิกรายการไปดีกว่า เพราะไม่ได้ให้ประโยชน์กับฝ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
และอยากให้นำธุรกิจ OTOP หรือ SMEs มาสร้างกลยุทธ์แข่งกัน เพื่อช่วยพัฒนาธุรกิจขนาดเล็กที่มีโอกาสน้อยมาเผยแพร่ เพื่อเป็นตัวอย่างในการทำงานของธุรกิจขนาดเล็กอื่น ๆ ได้
ส่วนแง่คิดดี ๆ ที่ได้จากตอนแรกนี้ ที่จำได้มีดังนี้ครับ
- คอนเนคชั่น นักธุรกิจที่ดี ต้องรู้จักกับบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานอาชีพสาขาต่าง ๆ และมีความรอบรู้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเดี๋ยวนี้ บริษัทต่าง ๆ จะรับนักศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป เพราะนักศึกษาปริญญาโทเหล่านี้จะรู้จักกับบุคคลต่าง ๆ ในวิชาชีพเดียวกัน และผ่านประสบการณ์การทำงานมาในระดับหนึ่ง นอกจากนั้นก็ตัดเหตุผลในการลาออกว่าจะไปศึกษาต่อได้
- ผู้นำ ทุกทีมต้องมีผู้นำ ในครั้งนี้ทุกคนต่างเข้ามาในจุดที่เท่าเทียมกันทั้งหมด และทางทีมงานก็ไม่ได้ให้ที่ปรึกษา จริง ๆ แล้วการทำงานเป็นทีม สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกก็คือ เลือกหัวหน้า ที่จะเป็นคนคุมภาพทั้งหมด เหมือนทีมฟุตบอล ต้องมีโค๊ช ที่จะแจกจ่ายงานให้แต่ละคนทำ และวางกลยุทธ์แก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ใช่ทุกคนอยากเป็นกองหน้า ไม่มีใครยอมเป็นผู้รักษาประตูหรือกองหลัง
- ห้ามล้มเลิก มีคนเคยพูดว่า คนเราไม่มีคำว่าล้มเหลว จะมีก็แต่คำว่าล้มเลิก ในช่วงท้ายรายการที่มีการให้โหวตว่าใครคือจุดอ่อน ทุกคนตกลงกันโหวตให้ตัวเองเป็นจุดอ่อน จริง ๆ ในกรณีนี้ไม่ควรโหวตใครเลย แต่ต้องต่อรองขอโอกาสในการทำงานอีกครั้ง เพราะในการทำงานจริง การทำพลาด ถือว่าเป็นการเรียนรู้ที่จะสำเร็จในอนาคต หากเรายอมแพ้ทันทีที่พลาด ความเสียหายก็จะเกิดทั้งกับองค์กรและตัวเราเอง
ผมก็คงติดตามรายการนี้ต่อไป เพราะการดูรายการนี้จะช่วยทบทวนการทำงานที่ผ่านมาของผมด้วย โดยเราสามารถศึกษาความสำเร็จและความล้มเหลวในการทำงานได้พร้อม ๆ กัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น