วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Adware Virtumonde

สองวันก่อนมีลูกค้าเอางานมาให้ปริ้นท์ ก็ใช้แฟลชไดร์ฟเปิดไฟล์ ปรากฏว่ามี adware ตัวนึงเข้ามาในระบบ

ซึ่งปกติผมจะติดตั้ง avast เป็นตัวสแกนไวรัสประจำเครื่อง แต่ก็ยังเล็ดลอดเข้ามาได้ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ที่ avast ปล่อยให้รอดเข้ามาในเครื่องได้ ตอนนี้ก็เลิกใช้แล้วครับ เปลี่ยนมาใช้ NOD 32 แทน

ติดตั้ง NOD32 ก็ตรวจพบแต่ลบไม่ได้ เพราะ adware ตัวนี้จะทำงานคู่กัน 2 ไฟล์ ลบไฟล์นึง อีกไฟล์ก็จะสร้างไฟล์ที่ถูกลบใหม่ทันที

ก็เลยต้องให้อากู๋ช่วยครับ เข้าไปเสิร์ชในกูเกิ้ล ก็พบว่ามีหลาย ๆ คนเจอปัญหาเช่นเดียวกับผม เพราะ adware ตัวนี้ทำให้เครื่องช้าลงอย่างมาก เล่นเน็ตก็จะมีป๊อปอัพขึ้นมา

ลองหลาย ๆ ตัว ปรากฏว่าตัวที่แจกฟรีและใช้งานได้ ผมก็เอามาจากเว็บ f-secure ซึ่งใช้งานแล้ว ลบออกได้ ก็เลยเอาลิ้งค์มาฝากครับ เผื่อเพื่อน ๆ คนใดเจอปัญหาเช่นเดียวกับผม จะได้ไม่เสียเวลาค้นหาอีก
ftp://ftp.f-secure.com/anti-virus/tools/f-vmonde.zip

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

คุณภาพสูง

สัปดาห์ที่ผ่านมา เครื่องปริ้นท์ canon ที่ผมติดแทงค์เองเริ่มมีปัญหา เริ่มแรกที่สีดำ ปริ้นท์แล้วสีขาด ๆ หาย ๆ ลองสั่งล้างหัวพิมพ์หลายรอบก็ยังไม่ดีขึ้น ก็เลยตัดสินใจรื้อออกมาดู ผมเปิดฝาตลับหมึก ดึงฟองน้ำออกมาดูข้างใน ก็ไม่มีตะกอนอะไรขวางทางน้ำหมึก

ลองเอาหัวหมึกแช่น้ำยาเช็ดกระจกดูด้วย เสร็จแล้วประกอบกลับ ทดลองปริ้นท์ใหม่ พอเข้าแผ่นที่ 4 เป็นเหมือนเดิมอีก ก็เลยตั้งค่าไม่ใช้หมึกดำซะเลย ใช้หมึกสี 3 สีผสมกันแทน ซึ่งก็ได้สีดำที่ไม่ดำสนิทนัก แต่ก็พอถูไถใช้งานต่อไปได้



จากนั้นผ่านมา 2 วัน ลูกน้องสั่งปริ้นท์งานเยอะ ปรากฏว่าขึ้น Error E2 กระดาษติด ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรติด ผมก็เลยรื้อออกมาดู ปรากฏว่ามีแมงมุมตัวผอม ๆ แอบอยู่ข้างใน และมีก้อนใยกลม ๆ อยู่ข้างในด้วย ก็เลยเอาปากเป่า เป่าออกให้หมด ประกอบกลับ ก็ใช้งานได้ดังเดิม แต่สีเหลืองปริ้นท์ออกมาจางมาก ทำให้เวลาผสมสีแล้วสีเพี้ยน

คิดอย่างแรก ก็คือ สั่งล้างหัวพิมพ์ซะ ผ่านไปหลายรอบ ก็ยังไม่ดีขึ้น สงสัยคงได้ซื้อตลับใหม่แล้ว นึกขึ้นได้ว่าเคยอ่านเจอในเวบบอร์ดหนึ่งนานมากแล้ว เกี่ยวกับการตั้งค่าคุณภาพการปริ้นท์ให้สูงขึ้น ก็เลยลองเข้าไปตั้งค่าคุณภาพการปริ้นท์เป็นสูง ปรากฏว่าสีเหลืองออกมาชัดเจนเหมือนเดิม



ลองเปลี่ยนกลับไปใช้ทั้งสีดำและสีดู ก็ปรากฏว่าสีดำก็ออกครบ ไม่ขาด ๆ หาย ๆ อีก เย้ ไม่ต้องซื้อตลับใหม่แล้ว แต่คงเปลืองหมึกหน่อย ซึ่งก็ไม่เป็นไร เพราะหมึกราคาไม่แพงอยู่แล้ว

ผ่านมาได้อีกวัน เวลาปริ้นท์เสร็จ เครื่องจะดึงกระดาษเปล่าแผ่นต่อไปเข้าไปค้างในเครื่องด้วย เอาว๊ะ คราวนี้รื้อใหม่ แล้วเอาไดโว่เป่าซะเลย ปรากฏว่าขี้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปเลย ประกอบกลับเหมือนเดิม ใช้งานได้ดี

ช่วงนี้ มีปัญหากับเจ้าเครื่องนี้บ่อย ซึ่งวิเคราะห์ดูแล้ว ในส่วนของหมึกสีดำ และสีเหลืองที่ออกมาไม่ดีนั้น คาดว่าน่าจะเป็นที่แรงดันแทงค์หมึกไม่ดี ซึ่งเดี๋ยวไว้ว่าง ๆ ค่อยหาทางแก้ใหม่ ส่วน E2 นั้น ก็ขี้ฝุ่นนี่ล่ะ เยอะแยะ หากตกไปขวางทางเซ็นเซอร์ ก็ทำให้เครื่องเพี้ยนไปได้

ก็หวังว่าคงจะใช้งานต่อไปได้อีกซักพักละกัน ช่วงนี้ยังไม่อยากลงทุนเพิ่มมากนัก เก็บเงินไว้ดีกว่า

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ช่วงนี้ทำอะไรดี

ตอนนี้ใคร ๆ ก็พูดกันถึงสภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มตกต่ำลง หลาย ๆ บริษัทประกาศลดพนักงานลง เพราะเมื่อยอดขายไม่ได้ตามเป้า การจะทำกำไรให้ได้ตามเป้า สิ่งที่ง่ายที่สุดคือการลดต้นทุน ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทข้ามชาติจะมีการจัดการบริหารต้นทุนสินค้าดีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงต้องมาจัดการต้นทุนด้านบุคลากร

ใครที่ไม่มีผลงาน ไม่มีความสามารถจริง ๆ บริษัทก็ไม่อยากเก็บไว้เป็นภาระ สู้จ้างออกไปดีกว่า และเอางานของคนเก่าที่ลาออก มาให้คนที่เหลืออยู่ทำ เพราะฉะนั้นคนที่มีงานทำก็จะต้องทำงานมากขึ้น ๆ ใครทนไม่ได้ก็ลาออกไปเอง บริษัทก็รับคนใหม่ที่สามารถทำได้เข้ามาทำแทน

เพราะฉะนั้นช่วงนี้ คนที่มีความสามารถเท่านั้นที่จะได้รับการบรรจุเข้าทำงาน คนที่อยู่ระดับกลาง ๆ ก็จะว่างงานมากขึ้นเรื่ือย ๆ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ เมื่อหางานไม่ได้ ก็จะหางานที่คิดว่าสามารถทำได้ ไม่ลำบากนัก บวกกับมีเงินทุนในการจ้างออกมา

แล้วอะไรที่ง่ายสุดล่ะ ก็ร้านเกมส์-อินเตอร์เน็ตนี่ล่ะ เพราะเห็นมีลูกค้าเล่นทั้งวันทั้งคืน คำนวนแล้วถ้าเปิดเองบ้างคงนั่งนับเงินทั้งวัน เมื่อคิดได้แบบนี้แล้ว เชื่อว่าต้นปีหน้าคงมีร้านเกมส์-อินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอีกกว่าครึ่ง

แต่เมื่อมีร้านมากเข้า ในขณะที่สภาพเศรษฐกิจก็ไม่ดี ลูกค้าย่อมต้องประหยัด และลดน้อยลง เมื่อลูกค้าน้อยลง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายคงที่มีมาก ก็ต้องทำการส่งเสริมการขายกันหน่อย วิธีที่ง่ายสุดก็คือ ลดราคานี่ล่ะ เมื่อร้านแรกลดราคา ลูกค้าที่ควานหาของถูกก็จะเฮกันไปร้านนั้น ร้านอื่น ๆ ก็ต้องลดตามไม่งั้นก็อยู่ไม่ไหว

เมื่อทุกร้านแข่งกันลดราคาในขณะที่ลูกค้ามีน้อยลง รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย แน่นอนก็ต้องทยอยปิดกิจการไป ก็จะเป็นวัฏจักรแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตามหลักอุปสงค์ อุปทาน

แล้วจริง ๆ ควรทำอะไรดีล่ะ สิ่งหนึ่งที่ผมคิดก็คือ ช่วงนี้ทุกคนอยากมีรายได้เสริมกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนมีงานทำอยู่แล้ว หรือคนไม่มีงานก็ตาม

หากเราสามารถรวมคนที่เก่งเฉพาะด้านเหล่านี้มารวมกัน จัดตั้งเป็นบริษัทรับจ้างทำงานไม่จำกัดละก็ คิดว่าน่าจะไปได้ดี เพราะส่วนหนึ่งที่บริษัทต่าง ๆ ลดพนักงานลง แต่จะหันไปจัดจ้างบริษัทจากภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญด้านนั้นมาทำงานแทน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย ฝ่ายจัดส่ง ฝ่ายไอที เหล่านี้

ซึ่งหากเรารวมตัวกันเข้าไปเสนองานให้กับบริษัทเหล่านี้ โดยนำเสนอมืออาชีพในสาขาอาชีพเฉพาะด้าน เชื่อได้ว่าน่าจะมีโอกาสมากขึ้น โดยมืออาชีพต่าง ๆ ที่เราจัดหามา ไม่ได้ให้มาทำงานโดยตรง แต่เราจะรับคนจบใหม่เข้ามาเทรนโดยมืออาชีพให้พร้อมทำงาน และคอยเป็นที่ปรึกษา ซึ่งเท่ากับว่าเราจะมีมืออาชีพเฉพาะด้านต่าง ๆ มากมายไม่จำกัด ที่พร้อมทำงานได้ทันทีกับการแข่งขัน

ส่วนด้านเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ เราก็จัดจ้างบริษัทคนไทยที่มีแนวคิดทันสมัยมารับช่วงต่อจากเราในบางอย่างได้ เช่น การจัดส่ง ไอที ขาย เพื่อลดการลงทุนให้มากที่สุด

กลับมาที่คนว่างงานต่าง ๆ ควรทำอะไรดี ควรไปเรียนต่อสายวิชาชีพครับ หรือเรียนโท แต่เรียนแล้วต้องเรียนให้ได้ที่ 1 เท่านั้นนะครับ เพราะตอนนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับที่สอง

วิชาชีพควรเืลือกสาขาอะไร มีมากมายครับ ลองเข้าไปศึกษาปัญหาของกลุ่มคนต่าง ๆ ดูครับ เช่นคนมีบ้าน ก็อยากได้ช่างตกแต่งที่มีฝีมือมาปรับปรุงบ้าน ซึ่งหายากพอดู

เรียนโท ก็แนะนำบริหารธุรกิจครับ เพราะจะได้เห็นภาพรวมของการทำธุรกิจ และทำงานร่วมกับฝ่ายอื่น ๆ ได้ดี มีเป้าหมายเดียวกันในการทำงาน และที่ขาดไม่ได้เลยก็เรื่องภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น และจีน

หากคิดว่าคงไม่เรียนต่อแล้ว ก็หางานทำครับ ขายของกิน เช่น ผลไม้สด เพราะยังมีพื้นที่อีกมากครับ ที่ขาดแคลนคนขาย และบริการ เพียงแต่ต้องเน้นคุณภาพเพื่อระยะยาวนะครับ

ส่วนใครที่ไม่อยากเรียน ไม่อยากค้าขาย ก็แนะนำให้เก็บเงินไว้ซื้อที่ดิน สำหรับเพาะปลูก ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือปลูกสิ่งที่กินได้ทั้งหมด หรืออยู่ได้โดยไม่ต้องใช้เงิน อะไรที่มีเหลือก็เอาออกมาขายเก็บเงินสะสมไว้ รอเมื่อเศรษฐกิจฟื้นเมื่อไหร่ ค่อยเอามาลงทุนทำธุรกิจที่อยากทำ

ก็ขอให้ทุกคนมีกำลังใจในการดำเนินชีวิต ขอเพียงรู้จักคำว่าพอ ก็มีความสุขแล้วครับ

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

แก้ไขภาพออนไลน์

วันนี้ ตื่นเช้าก็ตกแต่งร้านจากการพิมพ์โปสเตอร์รายการเครื่องดื่ม เนื่องจากร้านเกมส์รายได้ยังไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ ก็เลยต้องหารายได้เสริมจากการขายเครื่องดื่มเพิ่มเข้ามา

การทำโปสเตอร์ของผม ผมใช้โปรแกรม CorelDraw ในการออกแบบ ซึ่งผมจะถนัดมากกว่าโปรแกรม Illustrator เพราะผมเริ่มใช้โปรแกรมวาดรูปตัวนี้ก่อน Illus

ทำโปสเตอร์ก็ต้องใหญ่หน่อย เพื่อลูกค้าจะได้มองเห็นได้สะดวก ขนาดก็ 120 * 80 ซม. เมื่อทำเสร็จแล้ว ก็บันทึกเป็นไฟล์ jpg ความละเอียด 300 dpi จากนั้นก็ใช้โปรแกรม posterazer ตัดภาพลงกระดาษ A4 และบันทึกเป็นไฟล์ pdf แล้วสั่งปริ้นท์

งานช่วงเช้าเสร็จ ก็เริ่มเปิดร้าน เช้า ๆ ก็ยังไม่มีลูกค้า ก็นั่งเปิดอ่านเวปข่าวไปเรื่อย ๆ ก็สะดุดกับข่าวนึง ก็คือเวปสำหรับแก้ไขภาพออนไลน์ ซึ่งก็คือ เวป www.pixlr.com ก็ทดลองเ้ข้าไปใช้งาน




ประทับใจแรก ก็คือ มีภาษาไทยให้ใช้งานด้วย สงสัยจะรู้ว่าคนไทยชอบของฟรี :) ไม่หรอกครับ เป็นเพราะคนไทยใช้อินเตอร์เน็ตมากในระดับต้น ๆ ต่างหาก

ประทับใจสอง ก็คือ ความเร็ว โปรแกรมโหลดได้เร็วมาก แบบนี้ละครับที่เหมาะกับวัยรุ่นใจร้อนอย่างผม :P จริง ๆ ก็คือ หากเว็บไหนออกแบบมาแล้วทำให้โหลดช้านี่ หมดสิทธิเกิดครับ ต่อให้ดีอย่างไรก็ตาม เพราะโลกอินเตอร์เน็ตมีตัวเลือกให้ใช้งานมากมาย

ประทับใจสาม ก็คือ ความสามารถที่มีมาให้ ทั้งเลเยอร์ ทั้งฟอนต์ที่ใช้จากในเครื่องได้เลย หากเพื่อน ๆ ไม่มีฟอนต์ ก็ไปหาดาวน์โหลดได้จาก www.f0nt.com ได้ครับ

อยากให้ลองเข้าไปทดสอบใช้งานกันดูครับ ใช้กันเยอะ ๆ เค้าจะได้พัฒนาเครื่องมือต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเราไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินซื้อโปรแกรมตกแต่งรูปราคาแพงมาใช้งานเลย

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Google Chrome

ตั้งแต่กูเกิ้ลออกโปรแกรม Google Chrome ซึ่งเป็นเว็บเบราเซอร์ออกมา ผมก็ใช้เป็นโปรแกรมหลักในการดูเว็บตลอดมา ยกเว้นบางเว็บที่ต้องใช้ปลั๊กอินใน ie เท่านั้น



การออกแบบ Chrome นั้น ทำได้ดีมาก ง่ายต่อการใช้งาน และที่ผมชอบใจมากที่สุดก็คือ คำกล่าวอ้างที่บอกว่า ปิดแท็บเมื่อไหร่ คืนหน่วยความจำให้ทันที

ปัญหาอย่างเดียวของ Chrome ก็คือ การใช้งานภาษาไทย มีปัญหาเวลาพิมพ์ข้อความแทรกระหว่างคำ คือหากพิมพ์บทความยาว ๆ แล้ว จะแทรกกลางนี่ลำบากมาก ลองทดสอบดูนะครับ แต่ผมก็ยังใช้งานต่อไป ที่ใช้เขียนบล็อกนี่ ก็ใช้ Chrome ในการเขียน

หากกูเกิ้ลออกแบบโปรแกรม office ให้มีหน้าตาแบบ chrome แล้วละก็ ผมว่าไมโครซอฟท์จะมีปัญหาทันทีทีเดียว

พูดถึงออฟฟิศ ไมโครซอฟท์ออฟฟิศ 2007 เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาดีมากเลยทีเดียว มีลูกเล่นที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานมากมาย เพียงแต่ต้องเรียนรู้กับหน้าตาแบบใหม่ของโปรแกรมเพิ่มเติม แต่ปัญหาเดียวคือ ลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อ ไมโครซอฟท์ออฟฟิศ 2003 แล้ว หากจะให้ลงทุนเพิ่ม ผมคิดว่าคงยาก เพราะค่าใช้จ่ายสูงทีเดียว

ซึ่งช่วงหลัง ๆ นี่ ทางไมโครซอฟท์ก็เริ่มบุกให้ผู้ใช้ตามบ้านใช้ออฟฟิศ 2007 ให้มากขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้ตามบ้านคุ้นเคยกับโปรแกรมออฟฟิศให้มากที่สุด และจะได้มีผลเวลาที่ไปทำงาน

แต่ในส่วนธุรกิจแล้ว ผมคิดว่าไม่คุ้มกับการลงทุนเพิ่มนัก หากต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอัพเกรดออฟฟิศทุก 4-5 ปี เพราะคู่แข่งรายสำคัญของออฟฟิศ 2007 ก็คือ OpenOffice.org ก็พัฒนาความสามารถได้ไม่แพ้กัน

ในส่วนธุรกิจก็เพียงแต่ต้องลงทุนเพิ่มในส่วนของการฝึกอบรมพนักงานให้ใช้งาน OpenOffice.org ให้เป็นเท่านั้น อีกทั้งหา่ฝ่ายไอทีชำนาญในส่วนของ Opensource ซึ่งปัจจุบัน สถาบันอุดมศึกษาหลายแห่งก็เริ่มเปิดการเรียนการสอนวิชาเหล่านี้อยู่แล้ว ซึ่งนี่เป็นการลงทุนระยะยาว

ซึ่งผมทราบมาว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ได้เปลี่ยนมาใช้ linux และ OO.o นานแล้ว ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านโปรแกรมต่าง ๆ ไปได้อย่างมากทีเดียว

นอกจากออฟฟิศแล้ว อีกโปรแกรมที่ขาดไม่ได้ก็คือ os ซึ่งในฝั่งของ opensource ก็มีอยู่หลายตัว ตัวที่โดดเด่นมากก็คือ Ubuntu นั่นเอง แม้ว่าจะยังใช้งานภาษาไทยได้ไม่สมบูรณ์ 100% ก็ตาม (มีปัญหาเรื่องสระลอย) แต่ถ้าเทียบกับฝั่งวินโดว์แล้ว จะมีข้อดีตรงที่เข้ากันได้กับฮาร์ดแวร์เก่า ๆ ได้ดี

เพราะฉะนั้น จะช่วยประหยัดในการอัพเกรดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ไปได้อย่างมาก ซึ่งช่วยลดโลกร้อนได้ด้วย

เวลาว่าง

หลัง ๆ นี่ผมเข้าเว็บประจำอยู่ไม่กี่เว็บ พออ่านข่าวที่น่าสนใจจบแล้ว บางครั้งก็เปิดทีวีผ่านเว็บดู โดยจะมีอยู่ 3 เว็บที่ผมมักเข้าไปเปิดดูทีวีก็คือ siamtv.org และ thaihaircenter.com และ udootv.com ลองเข้าไปดูกันเองนะครับ

นอกจากดูทีวีแล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ การหาหนังมาดู หลัง ๆ ที่ดูก็ได้แก่ Dragonball z the movie ซึ่งมีทั้งหมด 15 ภาค และ Nodame cantabile มีทั้งหมด 23 ตอน และ Prison Break ซีซั่นใหม่

Dragonball Z นี่หลายภาค ผมว่าคนแต่งเดิมคงไม่ได้เขียน เพราะขาดความน่ารักและสนุก มีแต่สู้กันตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบ แต่ก็มีหลายตอนที่สนุก ลองหามาดูกันนะครับ

ส่วน Nodame Cantabile สนุกดีครับ นางเอกน่ารักได้ใจดี ได้ความรู้เรื่องเพลงคลาสสิคมากขึ้น และส่วนใหญ่เพลงที่นำมาประกอบก็เป็นเพลงที่ฟังง่าย เพราะ ๆ ทั้งนั้น ช่วง4-5 ตอนสุดท้ายนี่ น่าติดตามมาก ๆ เลย

ส่วน Prison Break นี่ ก็ออกทะเลไปนานมากแล้ว แต่ผมก็ยังติดตามดูอยู่ ซึ่งในความคิดของผม ผมชอบ 24 Hours มากที่สุด ดูเรื่องนี้ทีไร อดนอนทุกที ต้องดูจนครบ 24 ชั่วโมง นี่ก็รอซีซั่นใหม่อยู่

เพิ่มเติมอีกอย่างนอกจากหาหนังดู และดูทีวีออนไลน์แล้ว อีกอย่างที่ผมมักแวะเวียนเข้าไปดาวน์ฺโหลดมาอ่านเป็นประจำก็คือ การ์ตูนนั่นเอง ก็มีเว็บประจำอยู่ 2 เว็บ คือ mangashare.com และ stoptazmo.com เรื่องที่ผมติดตามอ่านก็มี Gantz, Zetman, Naruto, HxH, Berserk

เพื่อน ๆ มีอะไรน่าดูบ้าง ก็บอกต่อ ๆ กันมาบ้างนะครับ ผมจะได้หาอะไรดูยามว่าง

AMV Convert Tool

เมื่อซัก 3 ปีที่แล้ว ผมซื้อเครื่องเล่น MP3 มาเครื่องหนึ่ง หลัก ๆ ก็จะซื้อมาไว้อัดเสียงเวลาไปสัมนา หรือเวลาประชุมนี่ละครับ แต่กลับไม่ค่อยได้ใช้อัดเสียงมากนัก

หลัก ๆ ผมใช้ในการฟังคลิปรายการวิทยุ และรายการอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ข้อดีของเครื่อง MP3 ที่ผมซื้อมาก็คือ สามารถฟังไฟล์เสียง wma ได้ ซึ่งไฟล์จะเล็กกว่า mp3 พอสมควร คลิปที่ผมฟังก็จะมี รายการวิทยุจากคลื่น fm 96.5 รายการ Business Connection ที่พูดคุยเกี่ยวกับการตลาด และธุรกิจ ซึ่งรายการนี้บันทึกไฟล์ในรูปแบบ wma ซึ่งเป็นไฟล์เสียงของทางไมโครซอฟท์

ผู้จัดรายการวิทยุรายการนี้จะมีอยู่ 2 คน คือ คุณ ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย และคุณโกวิท วรางกูล ซึ่งต้องบอกว่าก่อนผมจะมาฟังรายการนี้ที่คลื่นนี้ ผมฟังรายการคิดอะไรไม่ออกบอกธันยวัชร์ จากคลื่นผู้จัดการ 97.75 MHz มาก่อน

รายการที่คุณธันยวัชร์จัดนั้น แตกต่างจากผู้จัดรายการธุรกิจรายการอื่น ๆ ก็คือ เสียงหัวเราะในรายการนี่ละครับ ผมฟังเพื่อผ่อนคลาย เพราะจะได้ยินเสียงหัวเราะ เนื่องจากผู้จัดจะมีมุกขำ ๆ มาแทรกอยู่บ่อย ๆ นอกจากได้ความรื่นเริงแล้วก็ได้ความรู้ไปด้วย

นอกจากรายการวิทยุทั้งสองรายการที่ผมมักจะดาวน์โหลดมาเก็บไว้ในเครื่องแล้วโอนไปใส่เครื่องเล่น MP3 เพื่อใช้ฟังเวลาเดินทาง หรือนอนเล่นแล้ว อีกรายการหนึ่งที่ผมดาวน์โหลดมาเก็บไว้ฟังก็คือ รายการ 3 ก๊ก ฉบับคนขายชาติ โดยเรืองวิทยาคม จากคลื่นผู้จัดการ

ผู้เขียน เขียนได้ดีมากครับ และผู้บรรยายก็ชวนฟัง ผมดาวน์โหลดมาเก็บไว้ทั้งหมด 655 ตอน เก็บไว้ให้ที่บ้านเปิดฟังด้วย นอกจากได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องสามก๊กแล้ว ผู้เขียนยังได้สอดแทรกข้อวิจารณ์ลงไปด้วย หากใครไม่ชอบอ่านหนังสือ ผมว่าฟังเสียงบรรยายแทนก็จะดีมาก ๆ ลองเข้าไปหาฟังได้ที่เว็บ managerradio นะครับ

นอกจากเครื่อง mp3 ของผมจะฟังเสียงได้แล้ว ยังสามารถฟังวิทยุ และดูวิดีโอได้ด้วย โดยวิดีโอที่สามารถดูได้จะเป็นไฟล์นามสกุล amv

เมื่อคืนนี้ นั่งอยู่หน้าคอมนานแล้ว อยากไปเอนนอนซักหน่อย แต่มีคลิปวิดีโออยู่ 2-3 ไฟล์ที่ยังอยากดูอยู่ ก็เลยแปลงไฟล์วิดีโอเหล่านั้นเป็นไฟล์ amv ด้วยโปรแกรม AMV Convert Tool

ก็ไม่รู้สึกว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่า เพราะโปรแกรมแปลงไฟล์ได้เร็วกว่าแต่ก่อนมาก ใช้เวลาแปลงไม่นานนัก จากนั้นผมก็โอนไปใสเครื่องเล่น MP3 และปิดเครื่องคอม ไปนอนดูและฟังเสียงจากเครื่องเล่น Mp3 แทน

เพียงแต่เสียอย่าง คือ หน้าจอเล็กไปหน่อย

วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2551

OpenOffice.org 3.0

ช่วงนี้ มีโปรแกรมที่ผมรอคอยอยู่โปรแกรมหนึ่งก็คือ โปรแกรม OpenOffice.org เวอร์ชั่น 3 ซึ่ง ณ ปัจจุบันก็ออก รุ่นเบต้า 2 ออกมาแล้ว

ซึ่งในส่วนของเวอร์ชั่น 3 ที่โดดเด่นมาก ๆ ก็คือ การเปิดไฟล์ไมโครซอฟท์ออฟฟิศ 2007 ได้นั่นเอง

จริง ๆ โปรแกรมนี้ ผมเริ่มหัดใช้สมัยยังเป็นปลาดาว ช่วงนั้นต้องบอกว่ายังมีข้อผิดพลาดเยอะมาก แต่ตอนนี้นับได้ว่าพัฒนาไปมากแล้ว หากเทียบการใช้งานทางด้านเอกสาร ผมว่า OO.o Writer สะดวกในการใช้งานมากกว่า MS Word ด้วยซ้ำ ยิ่งรองรับภาษาไทยได้ดี แล้วด้วย นะครับ

แต่ในส่วนของ OO.o Calc แล้ว ต้องบอกว่ายังห่างไกลจาก MS Excel อยู่อีกไกล เพราะต้องบอกว่า คนที่ใช้งานโปรแกรมคำนวนส่วนใหญ่ คุ้นเคยกับการใช้งาน Excel มากกว่า มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อีกทั้ง VBA ที่เขียนใช้งานอยู่ก่อนแล้ว หากจะให้มาเริ่มต้นเขียน OO.o Basic ใหม่ ส่วนใหญ่ก็จะไม่อยากเขียน เพราะเวลานำไปใช้กับ MS Excel ก็อาจใช้งานไม่ได้

ส่วน OO.o Impress และอื่น ๆ ก็พอใช้งานได้ในระดับหนึ่ง

ผมอยากเห็นคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง ที่ร้านคอมฯขายออกติดตั้งโปรแกรมนี้แถมให้นะครับ จะได้ช่วย ๆ กันใช้งานให้แพร่หลาย เพราะต้องบอกว่าเป็นของฟรีที่ดีมาก ๆ

อีกตัวก็คือ Ubuntu ซึ่งเป็น OS ที่ง่ายต่อการใช้งาน อีกทั้งยังฟรีอีกด้วย หากร้านผมไม่ติดที่ลูกค้าเล่น chat หรือ webcam ที่ใช้ได้เฉพาะกับ MS Windows แล้วละก็

ผมกะจะลง Ubuntu กับเครื่องลูกค้าทุกเครื่องทีเดียว เพราะหากเป็นผมใช้งานเอง ผมสามารถศึกษาและลองใช้โปรแกรมต่าง ๆ ที่ใช้ทดแทนกันได้ แต่กับลูกค้าทั่วไปแล้ว คงยากที่จะเปลี่ยนความคุ้นเคยของลูกค้า

ก็รอกันต่อไปครับ

สุดท้ายหากใครต้องการทดลองใช้งาน ตามลิงค์ด้านล่างเลยครับ
OpenOffice.org 3.0.0
Thai language pack

อัพเดท ตอนนี้ออกเวอร์ชั่นเต็มแล้วครับ

OpenOffice.org 3.00

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551

HP Laserjet 1010

หลังจากซ่อมปริ้นท์เตอร์ Canon MP160 ไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา วันนี้ก็ได้รับฟิล์มความร้อนของปริ้นท์เตอร์ HP Laserjet 1010 ที่สั่งซื้อไปมา

เครื่องปริ้นท์เลเซอร์เครื่องนี้ เป็นเครื่องของที่ร้านเกมส์ ช่วงที่เซ้งร้านมา ก็ได้เครื่องปริ้นท์เครื่องนี้ติดมาด้วย เวลาปริ้นท์ก็จะมีรอยนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ใช้เรื่อยมาซักเดือนนึง ปรากฏว่าฟิล์มความร้อนผุกรอบ และแตกออกเป็นสองส่วน เลยต้องใช้เครื่องปริ้นท์อิงค์เจ็ทในการบริการลูกค้าแทน

ผมก็เข้าไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ว่ามีที่ไหนขายฟิล์มนี้ราคาถูก ๆ บ้าง ก็ไปเจอเว็บนึง ขาย 400 บาท ก็เลยโทรไปสอบถาม ทางพนักงานขายก็บอกว่า บวกค่าส่ง EMS อีก 50 บาท ก็เลยตัดสินใจสั่งซื้อไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยใช้วิธีการโอนเงินผ่านธนาคาร

เช้าวันจันทร์โทรไปสอบถามว่าได้แฟกซ์ใบโอนเงินไปให้ ได้รับหรือไม่ ก็ปรากฏว่าทางบริษัทแจ้งว่าได้รับ และส่งสินค้าให้ผมแล้ว วันนี้อังคาร ก็ได้รับสินค้า ก็เลยรื้อเครื่องปริ้นท์เปลี่ยนฟิล์มใหม่

ทุลักทุเลพอสมควรครับ ก็นั่งอ่านเซอร์วิสแมนน่วลไปด้วย รื้อเครื่องไปด้วย ก็สำเร็จไปด้วยดีครับ มีน็อตเหลือตัวนึงด้วย :P

ทดลองเปิดดู ก็ไม่มีปัญหาอะไร ไฟเขียวไม่มีปัญหาอะไร ก็หาดาวน์โหลดไดรเวอร์มาใช้งาน ตามนี้เลยครับ
ftp://ftp.hp.com/pub/softlib/software2/COL4433/lj-14814-1/lj1010seriesprnsyswin-en.exe

ใช้ได้ดีครับ ไม่มีปัญหาอะไร ก็เรียบร้อยไปอีกหนึ่งสิ่ง ถ้าส่งร้านซ่อมคงไม่ต่ำกว่าพันแน่นอน

วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551

Canon MP160 Error E3

เมื่อเดือนที่แล้ว ปริ้นท์เตอร์ MP160 ที่ร้านผมอยู่ดี ๆ ก็ขึ้น Error E3 ซึ่งความหมายก็คือ กระดาษติด ผมก็หาเศษกระดาษอยู่นาน ก็หาไม่เจอ นึกว่าปริ้นท์เตอร์เสียซะแล้ว ซื้อมาใช้ครบปีพอดี และติดแทงค์ใช้มาเพียง 10 เดือน

เมื่อหาเศษกระดาษไม่เจอ ก็เลยตัดสินใจรื้อครับ รื้อชุดเฟืองของเครื่องปริ้นท์ออกมาเลย และแล้ว ก็พบครับว่า มีหมึกจับตัวเป็นก้อนอยู่ปลายสายยางดูดหมึกดำ ก็ทั้งเขี่ยทั้งล้างออก เพื่อทำความสะอาดให้มากที่สุด

เผลอตัวแกะชุดเฟืองออกจากกัน ยุ่งเลยครับ คราวนี้ จำไม่ได้ว่าประกอบกลับยังไง เสียเวลานั่งศึกษาอยู่ตั้งนาน ในที่สุดก็ประกอบกลับได้ เฮ้อ เหนื่อย

จากนั้นก็ประกอบกลับคืนดังเดิม โดยไม่ลืมเอาแผ่นซับหมึกออกมาล้างทำความสะอาดก่อนใส่กลับคืน เสียน้ำไปหลายถังครับ นี่ก็กระเด็นมาเปื้อนเสื้อและกางเกงด้วย นี่ก็ไม่รู้จะซักออกหรือเปล่า

เมื่อประกอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ลองทดสอบครับ ลุ้นว่าจะใช้งานได้หรือเปล่า ก็ลองถ่ายเอกสารดูว่าใช้ได้หรือไม่ ปรากฏว่าใช้งานได้ เย้ ๆ ๆ

ตอนนี้ก็ใช้งานได้ปกติแล้วครับ เพราะฉะนั้นหากเพื่อน ๆ เจอ Error E3 แล้วหาเศษกระดาษไม่เจอละก็ รื้อชุดเฟืองมาทำความสะอาดแบบผมได้เลยครับ

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551

คอมฯใหม่

ช่วงเดือนที่ผ่านมา ผมกลับบ้านต่างจังหวัด ก็เลยไม่ได้อัพเดทเรื่องราวต่าง ๆ เพราะที่บ้านผมไม่มีคอมพิวเตอร์ นี่ก็อยู่มาได้เดือนนึงแล้ว

ก็เดินไปใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ร้านเน็ต/เกมส์ใกล้บ้าน ซึ่งจากการที่ไม่ได้กลับบ้านมานาน มาคราวนี้มีร้านเน็ตใกล้บ้านเปิดบริการถึง 4 ร้านด้วยกัน แต่ก่อนผมต้องเดินไปเล่นที่ร้านที่ใกล้ที่สุด ก็ประมาณ 2 กิโลเมตร

ที่นี่คิดชั่วโมงละ 15 บาทเหมือนกันทุกร้าน ไม่มีการแข่งขันตัดราคากันมาก และมีลูกค้าประจำร้านกันมากทีเดียว ถ้าไปช่วงหลังเลิกเรียน หรือวันเสาร์-อาทิตย์นี่ มักจะไม่ได้เล่น

ก็เลยตัดสินใจว่า ซื้อคอมพิวเตอร์ติดบ้านซักเครื่องดีกว่า ก็ไปเดิน ๆ ดูร้านคอมฯแถวบ้าน เครื่องตั้งโต๊ะต่ำสุดก็หมึ่นหกพันบาท ซึ่งผมคิดว่าแพงเกินความจำเป็น เพราะโดยหลักแล้ว ผมนำมาใช้งานอินเตอร์เน็ตเท่านั้น เกมส์ต่าง ๆ ก็ไม่ได้เล่น

จนวันนึงไปซื้อของใช้ที่เทสโก้โลตัส ก็ไปเจอทางห้างนำเอาสินค้าโชว์มาลดราคา ก็รู้สึกสนใจเพราะราคาติดไว้ที่ 10,900 บาทเท่านั้น ก็มีหลากหลายแบรนด์ แต่ผมสะดุดกับ lenovo เพราะให้จอ lcd wide ขนาด 19 นิ้ว

ก็เลยตัดสินใจซื้อ ตอนที่ซื้อก็ลำบากนิดหน่อย รุ่นที่สนใจมีแค่สองเครื่อง แต่ละเครื่องก็มีอุปกรณ์ประกอบไม่ครบ ต้องเอาทั้งสองเครื่องมารวมกัน ก็ทดสอบเปิดดูก็โอเค หน้าจอไม่มีจุดดำ ก็จ่ายเงินขนกลับบ้าน ดั้งนั้นใครคิดซื้อคอมเลหลังจากห้างพวกนี้ ต้องตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ดี ไม่งั้นต้องเสียเงินซื้อเอง

os ที่แถมมาเป็นฟรีดอส ก็เลยจัดการลงวินโดว์ Vista ซะเลย ก็ใช้งานได้ดี เพียงแต่ออกจะช้าซะหน่อย เพราะแรมที่แถมมากับเครื่องมีแค่ 512 เมกเท่านั้น ก็งง ๆ หน่อย เนื่องจากผมไม่เคยใช้วิสต้าเลย ปกติใช้แต่ xp เครื่องรุ่นที่ซื้อมาใช้ซีพียูอินเทล E2140 1.6 GHz ฮาร์ดดิสก์ 160 จิ้ก วีจีเอ-ซาวด์ออนบอร์ด มีสปีคเกอร์พร้อม

วัน ๆ ก็นั่งเปิดเล่นเกมส์ที่ติดมากับวินโดว์ เพราะโปรแกรมอื่น ๆ ก็ไม่มี แผ่นโปรแกรมต่าง ๆ อยู่ที่กรุงเทพฯทั้งหมด ยังไม่มีเวลาขึ้นไปเอา ไม่อยากเสียเงินซื้อที่นี่ เพราะโดยปกติผมจะใช้วิธีดาวน์โหลดเอา

เมื่อมีคอมฯแล้ว ก็ต้องมีอินเตอร์เน็ตให้ครบเครื่องซะหน่อย เพื่อจะได้ดาวน์โหลดโปรแกรมต่าง ๆ มาลง ก็มอง ๆ หาอินเตอร์เน็ตในตัวจังหวัดดู ก็พบกับโฆษณาของแม็กซ์เน็ต จึงโทรไปสอบถาม ซึ่งก็ได้ทราบว่าช่วงนี้มีบริการติดตั้งเบอร์โทรศัพท์ฟรีด้วย ผมจึงตัดสินใจติดตั้ง โดยเลือกแพคเกจความเร็ว 3 เมก เพราะอยากดาวน์โหลดได้เร็ว ๆ

ก็รออยู่อาทิตย์นึง กว่าช่างจะมาติดตั้งให้ ลองใช้ครั้งแรก ปรากฏว่าผิดหวังมาก เพราะโดยหลักแล้วผมจะใช้งานเว็บนอก แต่แพคเกจที่ติดตั้งเร็วเฉพาะเว็บในประเทศ ถ้าซื้อไปเล่นเกมส์ออนไลน์นี่เหมาะมาก ส่วนเวบเมืองนอกนี่ขอบอกว่าไม่สมควร

โทรไปขอเปลี่ยนแพคเกจก็ไม่ได้แล้ว เพราะเจ้าหน้าที่บอกได้ทำการบันทึกข้อมูลการใช้งานไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าจะเปลี่ยนก็ต้องเป็นเดือนหน้า เฮ้อ บริการ

ช่วงนี้ผมจะขึ้นกรุงเทพฯเดือนละสองครั้ง เพื่อเข้าไปจัดการเรื่องบางอย่างที่ร้าน ทั้งร้านเกมส์และร้านเน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรบ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งทั้งสองร้านของผมก็ใช้ระบบสมาชิกในการเก็บข้อมูลลูกค้า ซึ่งลูกค้าก็ให้ความร่วมมือดี แต่ก็มีเหมือนกันที่เมื่อบอกบางคนให้สมัครสมาชิกก่อนเล่น ก็ไม่ยอมเล่น เปลี่ยนไปเล่นร้านอื่นแทน เฮ้อ ยิ่งช่วงเดือนที่ผ่านมานี่ยอดรายได้ตกลงพอสมควรเลยทีเดียว

วันนี้พอแค่นี้ก่อนละกัน ไว้มาคุยใหม่ครับ

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ติดแทงค์สีเครื่องปริ้นท์ Canon

เมื่อกี้พึ่งติดตั้งแทงค์สีแคนนอนสำหรับอีกเครื่องที่ปกติผมจะใช้วิธีเติมหมึก เพราะตอนนี้ผมย้ายเครื่องนี้ไปไว้ที่ร้านเกม สำหรับให้บริการลูกค้า

อย่างที่ผมเคยคุยให้ฟังแล้ว ว่าผมมีปริ้นท์เตอร์รุ่น MP160 อยู่สองเครื่อง เครื่องแรกนั้นผมยกเครื่องไปให้ช่างที่พันธ์ทิพย์จัดการให้ ซึ่งในระหว่างที่ช่างทำการติดตั้ง ผมก็ยืนมองวิธิการติดตั้ง เผื่อจะรับติดตั้งแทงค์สีให้ลูกค้าบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ลูกค้า เพราะคิดแล้วว่าอาจไม่คุ้ม เพราะถ้าหากทำไปแล้ว ทำให้ตลับหมึกลูกค้าเสียนี่ ขาดทุนแย่เลย เพราะตลับสีรุ่นนี้ ราคาสูงมาก

หลังจากเปิดร้านเกมส์ ผมก็ตั้งใจว่าจะนำปริ้นท์เตอร์ที่บ้านนี่ล่ะมาให้บริการลูกค้าที่ร้าน แต่ถ้าจะมาคอยเติมหมึกเมื่อหมึกหมด ก็อาจไม่สะดวกนัก จึงตัดสินใจที่จะติดแทงค์สี โดยจะทำการติดตั้งด้วยตนเอง

ก็ไปหาซื้อแทงค์สีที่พันธ์ทิพย์ โดยผมจะมีร้านประจำที่ผมไปซื้อหมึกเลเซอร์ ก็ขอให้เค้าหาแทงค์สีแคนนอนให้ชุดนึง สมัยก่อนผมเคยเดิน ๆ ถามตามร้านติดตั้งแทงค์ เค้าบอกขายชุดละ 600 กว่าบาท แต่สำหรับร้านประจำของผม เค้าบอก 400 บาท ผมก็เลยตกลง

เป็นชุดแทงค์สีของ COMAX มีอุปกรณ์ให้ครบชุด พร้อมทั้งวิธีติดตั้งเสร็จสรรพ ผมก็เลยซื้อมา 1 ชุด ทิ้งไว้ 3 วัน พึ่งจะมีเวลาทำในวันนี้

ก็อ่านตามคู่มือเลยครับ ก็ค่อนข้างเข้าใจ เพราะผมมีเครื่องที่เคยติดตั้งแทงค์ไว้แล้ว

ก็ทุลักทุเลพอสมควร แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ทั้งตอนเติมหมึกใส่แทงค์ แล้วต้องคอยยกสายหมึกไม่ให้หมึกไหลจนสุดสาย พอเติมหมึกเรียบร้อย ก็ถึงคราวนำไปติดตั้งกับเครื่องปริ้นท์ ก็ลุ้นน่าดูครับ

ครั้งแรกเลย เมื่อนำตลับหมึกไปติดตั้งเสร็จเรียบร้อย เปิดเครื่อง เครื่องแจ้งข้อผิดพลาด E15 ตลับหมึกไม่ได้ติดตั้ง เอาละสิทำไงเนี่ย ก็ลองมั่ว ๆ ดู ถอดเข้าถอดออกอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ใช้งานได้ ซึ่งผมคิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากสายหมึกตึงเกินไปครับ

ก็ลองสั่งปริ้นท์ทดสอบก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ โดยสั่งล้างหัวพิมพ์รอบเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ทดสอบสแกน ก็เอาอีกแล้ว ขึ้น E2 ไม่มีกระดาษ ทั้ง ๆ ที่ใส่กระดาษไว้แท้ ๆ นึกว่าเซนเซอร์เช็คกระดาษเสียซะแล้ว ก็เลยนึกย้อนกลับไปก่อนสั่งสแกน ก็เหมือนเดิม ผมไปขยับสายหมึก ซึ่งมันก็ตึงเกินไป ก็ลองหย่อนสายภายในอีกหน่อย เปิดเครื่องอีกครั้ง ว้าว! ใช้ได้แล้ว สแกนออกมา โอเค สีใกล้เคียงต้นฉบับ

ก็รู้สึกภูมิใจไปอีกเรื่อง สงสัยจะได้เริ่มรับติดตั้งแทงค์แล้ว เพราะคำนวนดูแล้ว น่าจะพอมีกำไร เพราะแทงค์ 400 หมึก 4 สี 100 บาท (ผมซื้อขวดใหญ่ ตกซีซีละ 50 สตางค์ครับ) ก็เท่ากับต้นทุนอุปกรณ์ 500 บาท ว่าจะรับติดตั้งซัก 1,200 บาท อิอิ ตัดราคาพันธ์ทิพย์ซะเลย คราวก่อนผมไปติดตั้งที่พันธ์ทิพย์ 1,500 บาทครับ ตัวกรองอากาศยังไม่ให้มาเลย

ก็เล่าสู่กันฟังครับ แล้วถ้าภายหน้ามีปัญหาจากการติดตั้งครั้งนี้ ไว้จะมาเล่าให้ฟังใหม่ครับ

แล้วก็ด้านล่างนี้เป็นคู่มือติดตั้งที่ร้านแถมมาให้ เอาไว้ให้เพื่อน ๆ ไว้ศึกษาละกัน

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2551

วิธีแก้ตลับหมึกตัน

ผมใช้เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตของแคนนอน รุ่น MP-160 ซึ่งจะใช้ตลับหมึก 2 รุ่นด้วยกัน คือ PG-40 กับ CL-41

เครื่องแรกที่ใช้ในร้านเน็ต ผมใช้การต่อแทงค์หมึก ส่วนอีกเครื่องที่ห้องผม ผมใช้วิธีการเติมหมึก

สำหรับเครื่องที่ต่อแทงค์ใช้งานในร้านเน็ต ก็ไม่มีปัญหาในการเติมหมึก และไม่ต้องทำการรีเซตหมึกแต่อย่างใด แต่สำหรับเครื่องที่ห้องที่ใช้การเติมหมึก ซึ่งผมไม่ได้พิมพ์บ่อยครั้งนัก เมื่อหมึกหมดก็ต้องนำมาเติมและรีเซตตลับหมึกทุกครั้ง เพื่อจะได้ทราบว่าในตลับเหลือหมึกอยู่เท่าไร และป้องการการสั่งพิมพ์งานโดยไม่มีหมึกในตลับ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อหัวพิมพ์ที่ตลับได้

หมึกที่ใช้เติม จะมีสองประเภท คือ หมึกชนิด pigment กับ dye โดยหมึกสีดำจะเป็นหมึกประเภท pigment และหมึกสีจะเป็นหมึกชนิด dye

ตามที่ผมเข้าใจ หมึก pigment น่าจะมีเนื้อสีผสมอยู่ด้วย แต่หมึก dye น่าจะเป็นหมึกน้ำ เพราะต้องนำมาผสมระหว่างแม่สี

หมึกน้ำก็จะไม่มีปัญหาเรื่องการอุดตัน แต่หมึก pigment เนื่องจากมีเนื้อสีอยู่ด้วย ซึ่งหากเป็นหมึกคุณภาพไม่ดี เนื้อสีไม่ละเอียดแล้ว จะทำให้เนื้อสีไปเกาะส่วนต่าง ๆ และจับตัวกันได้

โดยจากการใช้งานของผมเอง เมื่อเติมหมึก pigment ไปซัก 2-3 รอบ จำนวนหมึกที่เติมก็จะได้น้อยลง ๆ ไปเรื่อย ๆ เติมนิดเดียวก็ล้นตลับแล้ว อาจเป็นเพราะเนื้อสีจับตัวกับฟองน้ำภายในปิดกั้นช่องทางไหลเวียนของหมึกในตลับ ซึ่งเราก็สามารถแก้ได้ไม่ยาก โดยนำมาล้างน้ำ

วิธีการก็คือ ผมจะดูดน้ำเปล่าฉีดเข้าไปในตลับสีดำเรื่อย ๆ จนกระทั้งสีที่ไหลออกมาจากตลับกลายเป็นน้ำเปล่า โดยผมจะไม่ใช้หลอดฉีดยาฉีดน้ำเข้าไป เพราะค่อนข้างเสียเวลาและถ้าฉีดแรงเกินไปก็อาจส่งผลกระทบต่อหัวฉีดภายในได้

ผมจะใช้วิธีกาลักน้ำ โดยผมซื้อสายให้น้ำเกลือมาหนึ่งชุด และเสียบเข็มฉีดยาเข้าไปภายในตลับ ส่วนอีกด้านก็แช่ไว้ในขันน้ำที่มีน้ำอยู่ปริมาณที่มากพอจะล้างสีในตลับให้หมด ก็ใช้วิธีกาลักน้ำให้น้ำไหลผ่านตลับไปเรื่อย ๆ จนเห็นว่าสีในตลับน่าจะหมดแล้ว จากนั้นก็ดูดน้ำในตลับออก แล้วค่อยเติมหมึก ซึ่งก็จะสามารถเติมหมึกได้ตามปริมาณที่ถูกต้อง

แต่หากเพื่อน ๆ ไม่มีตัวดูดหมึก ก็อาจใช้กระดาษทิชชู่ซับน้ำออกทางหัวพิมพ์ก็ได้ และไม่ต้องกังวลว่าน้ำในตลับจะยังเหลืออยู่ เพราะหมึกที่เราใช้เป็นหมึกสีดำ เมื่อเติมหมึกเข้าไป และนำมาใช้งาน จะไม่ส่งผลต่อสีสันมากนัก

ผมใช้วิธีนี้ล้างตลับหมึกสีดำมาสองรอบแล้ว ก็สามารถนำกลับมาใช้งานได้ดี เพียงแต่ช่วงแรก ความคมของตัวอักษรอาจจะแตกบ้างเล็กน้อย เนื่องจากมีน้ำเจือจางอยู่ แต่ก็ยอมรับได้ครับ

และสุดท้ายก่อนใส่ตลับหมึกกลับคืนเครื่องพิมพ์ ก็ควรเช็ดตลับหมึกให้แห้งก่อนนะครับ เพื่อจะได้ไม่ทำให้เครื่องเกิดความเสียหาย

Error code Canon MP160

Error Code Canon MP160
E2 No paper (ASF)
E3 Paper jam
E4 No ink
E5 The ink cartridges are not installed or a non-supported ink cartridge is installed , or the ink cartridges are not installed properly
E8 Waste ink absorber full, or platen waste ink absorber full «ОК»)
E9 The connected digital camera / video camera does not support Camera Direct Printing
E14 The Ink cartridges whose destination are wrong
E15 Ink cartridge is not installed
E16 Ink remaining is unknown
E19 Failed to scan head alignment sheet
Е22 Carriage error
Е23 Paper feed error
Е24 Purge unit error
Е25 ASF(cam) sensor error
Е26 Internal temperature rise error
Е27 Waste ink absorber full or platen waste ink absorber full
Е28 Ink cartridge temperature rise error -
Е29 EEPROM error
Е33 Paper feed position error
Е35 USB Host VBUD overcurrent error - USB
Е37 Abnormal motor driver error
Е40 Other hardware error
Е42 Scanner error

วิธีปฏิบัติ
E2
Reload the paper correctly and press [Black> or [Color>.

E3
If paper has jammed in the machine, clear the jam, reload the paper in the machine correctly and then press [Black> or [Color>.

E4
The ink may have run out. Replace the FINE Cartridge, and close the Scanning Unit. If lines are misaligned or the resulting output is not satisfactory, carry out the FINE Cartridge Alignment. If printing is in progress and you want to continue printing, press [Black> or [Color>. Then printing can continue under the ink out condition with the FINE Cartridge installed. Replace the empty FINE Cartridge immediately after the printing. The resulting print quality is not satisfactory, if printing is continued under the ink out condition.

E5
The FINE Cartridge may not be installed properly, or the Cartridge may not be the compatible with this machine. Install the appropriate FINE Cartridge. If lines are misaligned or the resulting output is not satisfactory, carry out the FINE Cartridge Alignment.

E7
Some FINE Cartridges are not installed in place. Install the FINE Cartridges in the appropriate positions.

E8
Waste ink absorber is almost full. Ink used for cleaning is absorbed in a waste ink absorber placed in the machine. indicates that the waste ink absorber is nearly full. Press [Black> or [Color> to cancel the error so that you can continue printing. If this error occurs, replacement of the waste ink absorber and maintenance of the machine are required. Canon recommends to contact a Canon service representative as soon as possible. Once the waste ink absorber becomes completely full, printing cannot be done until the waste ink absorber is replaced.

E9
Depending on the model or brand of your device, you may have to select a print mode compliant with PictBridge before connecting the device.

You may also have to turn on the device or select Play mode manually after connecting the device to the machine. Perform necessary operations according to the instruction manual supplied with your device.

If the error is still unresolved, there is a possibility that you are using a digital camera or digital video camcorder that is not supported by this machine. Use a digital camera or digital video camcorder compatible with this machine.

E14
The FINE Cartridge may not be the compatible with this machine. Install the appropriate FINE Cartridge. If lines are misaligned or the resulting output is not satisfactory, carry out the FINE Cartridge Alignment.

E15
FINE Cartridge errors have occurred. Replace the FINE Cartridge.

E16
This FINE Cartridge may have previously been used, or the ink may have run out. The function for detecting the remaining ink level will be disabled since the remaining ink level cannot be correctly detected. If you want to continue printing without this function, press [Black> or [Color>. Canon recommends to use new genuine Canon Cartridges in order to obtain optimum qualities.

E19
The size of the document cannot be correctly detected or the document is too small when the Fit-to-Page copying is selected. Make sure the document meets the requirements and correctly loaded on the Platen Glass. Then reload the document and press [Black> or [Color>. See Setting Documents.

E2x
E3x
E4x
An error requiring servicing might have occurred. Turn OFF the machine, and unplug the power cord of the machine from the power supply. After a while, plug the power cord of the machine back in and turn ON the machine. If the same error occurs, contact a Canon service representative.

ทั้งหมดนี้ผมคัดลอกมาจากเวบบอร์ดของเมืองนอกนานมาแล้ว และไม่ได้บันทึกที่มาด้วย แต่สามารถหาได้จากการเสิร์ชของกูเกิ้ลครับ

วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ขนาดแมลงสาบยังตาย

ปกติผมจะกินข้าววันละ 4 มื้อ โดยมื้อดึกจะเป็นข้าวไข่เจียว หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ผมมักซื้อมากินก็คือยี่ห้อ กง ก่ง ครับ

หลังจากกินเสร็จผมก็จะวางชามบะหมี่ทิ้งไว้ บางครั้งก็ทิ้งไว้ 2-3 วันที่เดียว ห้องผมก็สุดแสนจะรกครับ มักพบเห็นแมลงสาบเดินไปมาบ่อย ๆ

สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นก็คือ ผมมักจะเห็นแมลงสาบตายอยู่ในชามบะหมี่ที่ผมตั้งทิ้งไว้ ไม่ใช่ครั้งเดียวนะครับ ผมเห็นเกือบสิบครั้งแล้ว คละรสครับ ทั้งหมูสับ ต้มยำ

นั่นก็หมายถึง แมลงสาบปีนขึ้นไปกินเศษบะหมี่ และขาดใจตายในถ้วยนั่นเอง

โอ้โห ขนาดแมลงสาบยังตาย แล้วคนจะไปเหลืออะไร

วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เซ้งกิจการ

ตามที่ผมเคยบอกไปก่อนหน้านี้ว่าผมกำลังจะเปิดร้านเกม ซึ่งผมไม่มีความรู้เรื่องเกมเลย ตอนนี้ก็ดาวน์โหลดเกมมาลองเล่นดู แต่ยังดาวน์โหลดไม่ครบเลย เกมที่ผมกำลังดาวน์โหลดอยู่ก็คือ เกมออดิชั่น ขนาดไฟล์ 1.5 กิ๊กแน่ะ โคตรใหญ่เลย สมัยก่อนซีดีแผ่นนึงก็โอเคแล้ว

ร้านเกมผมใช้วิธีเซ้งต่อเอาน่ะครับ ตอนนี้ยังไม่ได้เลยครับ เพราะส่วนใหญ่ที่เซ้งร้านกันเพราะทำแล้วขาดทุนกันซะส่วนใหญ่ เนื่องจากไปเปิดในทำเลไม่ดี หรือในทำเลที่มีการแข่งขันสูง ค่าชั่วโมงเหลือ 10 บาท ซึ่งถ้าเซ้งร้านประเภทนี้มา ก็ขาดทุนแน่นอน

จริง ๆ แล้ว เราก็สามารถแก้ไขได้นะครับ เช่น ในกรณีที่ร้านทำเลไม่ดี เราก็ต้องแก้เรื่องทำเล และสิ่งดึงดูดลูกค้าให้มาที่ร้านเรา แต่แน่นอนต้องมีการลงทุนเพิ่ม นั่นก็หมายถึงระยะเวลาคืนทุนก็ยาวนานออกไปอีก ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีว่า ธุรกิจประเภทนี้ เราต้องอัพเกรดเครื่องคอมฯ 3 ปีครั้ง ดังนั้นในกรณีผมที่จะเซ้งต่อ นั่นย่อมไม่คุ้ม แต่ถ้าหากร้านนั้นเป็นบ้านคุณเอง ก็คงจะคุ้มกับการลงทุนเพิ่ม

วิธีการคำนวนราคาเซ้งที่ผมใช้ ผมจะคิดระยะคืนทุน 1 ปี โดยไม่คิดค่าแรงผม วิธีคิดมีดังนี้ครับ
1. ก่อนอื่นก็แจกแจงค่าใช้จ่ายทั้งหมดออกมาก่อน อันได้แก่ ค่าเช่าร้าน ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าจ้างพนักงาน ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าเครื่องเขียนและอุปกรณ์ทำความสะอาด และสุดท้ายคือค่าเซ้งที่รวมค่าปรับปรุงร้านที่นำมาเฉลี่ยต่อเดือน ด้วยการหาร 12
2. ประเมิณรายได้จากค่าเช่าใช้งานคอมฯและอื่น ๆ ในร้าน ณ ปัจจุบัน ออกมา
3. นำมาหักลบกัน โดยรายได้ต่อเดือนต้องไม่น้อยกว่ารายจ่ายต่อเดือนที่แจกแจงออกมาได้

ถ้าสามารถคืนทุนค่าเซ้งในปีเดียวได้ ก็เหมาะสมที่จะเซ้ง แต่ถ้าเกินกว่าปี โดยเมื่อหักลบรายได้กับค่าใช้จ่ายแล้วติดลบ ก็ต้องตัดใจไม่เซ้งครับ เก็บเงินไว้ไม่เสียหายหรอก แม้ว่าช่วงนี้เงินเฟ้อสูงก็ตาม ดีกว่านำไปลงทุนที่รู้ว่าต้องขาดทุน หรือต้องลงทุนเพิ่มอีกมาก และไม่รู้ว่าจะได้กลับคืนมาหรือไม่

แต่ถึงแม้จะคำนวนไว้ดีแล้วก็ตาม การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ขึ้นอยู่กับว่าเรายอมเสี่ยงได้ในราคาเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นอย่ากู้หนี้ยืมสินมาลงทุน ขอให้สะสมเงินให้มากพอที่จะไม่ทำให้เดือดร้อน แล้วค่อยลงทุนก็ยังไม่สายเกินไป

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2551

การใส่เลขหน้าของหน้ากระดาษแนวตั้งและแนวนอน

วันนี้นั่งอ่านเว็บพันทิพ ไปเจอกระทู้นึงที่ถามว่า จะใส่หมายเลขหน้าสำหรับเอกสารที่มีทั้งแนวตั้งและแนวนอนอย่างไร

ก็ไม่ยากครับ โดยมีวิธีทำดังนี้ครับ
1. เริ่มด้วยการแทรกเลขหน้าให้กับเอกสารทั้งหมด โดยคลิกเมนู Insert > Pages Numbers

2. จากนั้นก็กำหนดตำแหน่งว่าจะวางเลขหน้าในส่วนหัวกระดาษหรือท้ายกระดาษ ในที่นี้ผมเลือกวางไว้ที่หัวกระดาษด้านซ้ายมือนะครับ

3. ย้ายไปหน้าที่เป็นแนวนอนครับ จากนั้นดับเบิ้ลคลิกตัวเลขหน้าของหน้าที่เป็นแนวนอน เพื่อเปิดการทำงานส่วนหัวกระดาษ จะปรากฏแถบเครื่องมือ Header and Footer ขึ้นมา

4. คลิกไอค่อน Link to Previous บนแถบเครื่องมือ Header and Footer เพื่อยกเลิก ซึ่งจะสังเกตว่าข้อความ Same as previous บนกรอบ Header จะหายไป

5. คลิกเลขหน้า แล้วคลิกกรอบของเลขหน้าให้มีจุดสีดำล้อมรอบกรอบตัวเลขเลขหน้า แล้วลบทิ้ง

6. คลิกปุ่ม Switch between Header and Footer แล้วคลิกเมนู Insert > Page Numbers เพื่อแทรกเลขหน้าในส่วนของ Footer

7. คลิกไอค่อน Link to Previous บนแถบเครื่องมือ Header and Footer เพื่อยกเลิก ซึ่งจะสังเกตว่าข้อความ Same as previous บนกรอบ Footer จะหายไป

8. คลิกเลขหน้า ให้มีตัวกระพริบอยู่ที่เลขหน้า จากนั้นคลิกเมนู Format > Text Direction และเลือกเป็นตะแคงขวา และตอบ OK



9. ตอนนี้ก็จะมีเลขหน้าทั้ง Header และ Footer ก็ให้ลบเลขหน้าในส่วนของ Header และ Footer ที่ไม่ต้องการออก

หรือสรุปคร่าว ๆ ก็คือ
1. แทรกเลขหน้าทั้งหัวและท้าย
2. ยกเลิก link to previous สำหรับหน้าที่เปลี่ยนเป็นแนวนอน ทั้งหัวและท้าย
3. เปลี่ยนแนวตัวอักษรสำหรับเลขหน้าในส่วนของท้ายกระดาษ
4. ลบเลขหน้าที่ไม่ต้องการออกไป

ลองประยุกต์ใช้ดูนะครับ อาจเขียนไม่ละเอียดนัก แต่ถ้าเป็นคนที่ใช้งานเวิร์ดประจำ ก็น่าจะไม่ยากครับ

การลงวินโดว์ใหม่โดยคงค่าและโปรแกรมต่าง ๆ ไว้เช่นเดิม

เมื่อวานซืนมีลูกค้านำโน๊ตบุ๊คมาให้ช่วยดูให้ เนื่องจากเมื่อเปิดเครื่องแล้ว หน้าจอไม่แสดงภาพใด ๆ ทั้งที่เครื่องทำงานปกติ ซึ่งจากการตรวจสอบ คาดว่าไฟล์บางไฟล์ของวินโดว์น่าจะเสียหาย

วิธีแก้ ก็ลงวินโดว์ใหม่เพื่ออัพเดทไฟล์ที่เสียหายครับ โดยการลงวินโดว์ครั้งนี้ต้องเก็บค่าและโปรแกรมต่าง ๆ ที่ใช้งานไว้ให้เหมือนเดิม

วิธีการก็เหมือนกับการลงวินโดว์ปกติครับ
1. ใส่แผ่นซีดีติดตั้งวินโดว์ในเครื่อง
2. ตั้ง BIOS ให้บูทจากซีดีรอม
3. หลังจากบูทเข้าสู่การติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ให้เลือกติดตั้งวินโดว์ครับ อย่าพึ่งเลือก repair
4. จากนั้นโปรแกรมติดตั้งจะตรวจสอบว่ามีวินโดว์อยู่ในเครืองหรือไม่
5. ก็ให้เลือกวินโดว์ที่เจอครับ แล้วเลือก repair
6. จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนปกติครับ

หมายเหตุ
ติดตั้งครั้งแรกวินโดว์มองไม่เห็นฮาร์ดดิสก์ (ผมใช้แผ่นวินโดว์ XP SP2 ครับ) ก็ให้เข้า BIOS ไปเปลี่ยนการเชื่อมต่อฮาร์ดดิสก์เป็น IDE ครับ

วิธีการนี้สามารถนำไปใช้ในกรณีเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์จากเครื่องหนึ่งไปใส่อีกเครื่องหนึ่งที่เมนบอร์ดไม่เหมือนกันได้ด้วยครับ เพราะผมใช้วิิธีนี้บ่อย เวลาเครื่องที่บ้านผมเสีย ผมก็จะสลับเอาฮาร์ดดิสก์ในเครื่องเสียไปใส่เครื่องสำรองที่สเปคต่ำกว่า

เกิด แก่ เจ็บ ตาย

วันนี้นั่งดูจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นตอนจบ จิ๋นซีทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศจีนอย่างมากมาย สิ่งหนึ่งก็คือ การรวมแผ่นดินจีนเป็นปึกแผ่น และการยกเลิกภาษาต่าง ๆ ให้เหลือภาษาเดียว ส่วนกำแพงเมืองจีนก็เป็นอนุสรณ์สถานของเมืองจีนมาตราบทุกวันนี้

ในช่วงปลายชีวิต จิ๋นซีหมกมุ่นกับชีวิตอมตะมากเกินไป จึงหลงเชื่อคนบางคนในเรื่องของยาอายุวัฒนะ ทั้ง ๆ ที่ก่อน ๆ มา จิ๋นซีเชื่อในหลักเหตุผล และเป็นคนมองการณ์ไกล

ราชวงศ์จิ๋นมีอายุแค่สิบกว่าปีเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพราะบุคคลใกล้ชิดที่ไม่ดี และความเชื่อมั่นในตนเองของจิ๋นซีมากเกินไป ซึ่งเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ได้เป็นอย่างดี เวลาที่เราขึ้นเป็นผู้นำ สิ่งหนึ่งที่ต้องระมัดระวังก็คือ คนใกล้ชิด

เรื่องการใช้คนต้องพูดถึงโจโฉ สมัยสามก๊กที่เลือกใช้คนเก่ง และใช้หลักบริหารทีมงานที่ดี ใครทำผิดต้องลงโทษ ใครทำดีต้องให้รางวัล แต่บางครั้งก็ต้องมีการซื้อใจกันด้วย

กลับมาที่จิ๋นซี ก่อนสวรรคต จิ๋นซีมัวหลงตัวเองว่าเป็นเทพ ไม่มีวันตาย จึงไม่ได้วางแผนแต่งตั้งรัชทายาทสืบทอดตำแหน่งที่แน่นอน ทำให้หลังจากสวรรคตไปแล้ว คนที่ดูแลงานเบื้องหลังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเสียสุดท้าย

ผมจะเปรียบให้กับการทำธุรกิจ สินค้าทุกประเภทจะมีวงจรชีวิต มีทั้งขึ้นและลง ซึ่งหากเราจำหน่ายสินค้าเพียงอย่างเดียว ก็มีโอกาสสูงที่หากสินค้าตัวนั้นอยู่ในช่วงขาลง และเราไม่ได้เตรียมความพร้อมในสินค้าอื่นมาทดแทน ก็อาจส่งผลให้ธุรกิจเสียหายได้

อีกตัวอย่างนึง ก็โฆษณาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ไม่ควรปลูกพืชเชิงเดี่ยว ควรปลูกให้หลากหลาย และอยู่รอดได้ด้วยตัวเอง

คือ เราควรมีธุรกิจให้หลากหลาย บางธุรกิจอาจเก็บไว้เพื่อเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว บางธุรกิจสามารถลงทุนเพื่อหากำไรเข้ามา ส่วนธุรกิจที่ไม่ทำกำไรหรือขาดทุน ก็ควรตัดขายออกไปให้คนที่เชี่ยวชาญทำแทน หรือหากเกี่ยวเนื่องกับกลยุทธ์หลัก ก็ต้องพยายามให้อยู่รอดด้วยตนเองให้ได้

พรุ่งนี้ก็จะมีเรื่อง เจงกิสข่านมาแทน ซึ่งก็น่าติดตามเช่นกัน ส่วนหนังจีนชุดอีกเรื่องที่แนะนำให้ดูก็คือ กษัตริย์ราชวงศ์หมิง ทางช่องเก้า โมเตอร์นไนน์ ในวันพฤหัส บ่ายโมง นอกจากนั้นก็มีหนังญี่ปุ่นชุดเกมล่าธุรกิจ ทางช่องไทยพีบีเอส ในวันจันทร์-อังคาร เวลาประมาณสองทุ่มครึ่ง ซึ่งผมดูวันนี้ในตอนแรกเกี่ยวกับธุรกิจซื้อหนี้เสียมาบริหาร และการเตรียมข้อมูลมาต่อรอง น่าติดตามและนำมาประยุกต์ใช้มาก

วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เปิดร้านเกม

ช่วงนี้ผมกำลังหาทำเลเปิดร้านเกมอยู่ครับ เลยต้องฝึกเล่นเกมต่าง ๆ ให้คล่องก่อน

แล้วร้านเกมยังมีโอกาสอีกหรือเปล่า ต้องตอบว่ามีครับ เพียงแต่ต้องมองลูกค้าให้ออกเท่านั้น
ช่วงเดือนที่ผ่านมาก็เดินทางไปดูทำเลหลาย ๆ จุดทั่วกรุงเทพฯ ทำให้พบเห็นสิ่งต่าง ๆ ใหม่ ๆ ที่ผมไม่เคยทราบหลายอย่างทีเดียว
ได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาร้านเกมหลาย ๆ ร้าน มองจุดแข็ง และจุดอ่อนของแต่ละร้าน เพื่อนำมาทำร้านของตัวเอง

ไว้ผมเปิดร้านเรียบร้อยแล้ว จะกลับมาัอัพเดทบล็อคใหม่

วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ทำไมเด็กต้องเรียนหนังสือ

คงเคยได้ยินคำว่า "เด็กหนีเรียนมาเล่นเกม" แล้วทำไมเด็กจะโดดเรียนมาเล่นเกมไม่ได้ละครับ ผมว่าเป็นสิทธิของเด็กนะครับ

ผมฝากเพื่อน ๆ ช่วยคิดทีว่าทำไมเด็กต้องไปเรียน หรือทำไมเด็กถึงหนีเรียนไม่ได้ แล้วผมจะเข้ามาตอบทุกความเห็นครับ

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2551

5 ส.

5 ส. เป็นคำย่อของกิจกรรม 5 ขั้นตอน ในการปรับปรุงประสิทธิภาพให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย
  1. สะสาง
  2. สะดวก
  3. สะอาด
  4. สร้างมาตรฐาน
  5. สร้างนิสัย

1. สะสาง
สะสางคือการคัดแยกสิ่งที่ไม่ได้ใช้งานออกจากสิ่งที่ใช้งาน และนำออกไป เช่น บนโต๊ะทำงาน ขอให้ลองสำรวจดูว่า มีอะไรบ้างที่ตั้งไว้โดยที่เราไม่ได้ใช้งานมาเป็นเวลานาน ก็ให้ทำการวิเคราะห์ว่าควรกำจัดออกไป หรือนำไปจัดเก็บที่อื่น หรือรูปแบบอื่น เป็นต้น

2.สะดวก
สะดวกคือมองด้วยตาก็รู้ทันทีว่าคืออะไร เช่น สวิตซ์ไฟอันนี้ เป็นสวิตซ์สำหรับเปิด-ปิดไฟดวงใด ใคร ๆ ก็สามารถรู้ได้ โดยไม่ต้องลองผิดลองถูก หรือเก้าอื้ตัวนี้เป็นเก้าอี้ของโต๊ะหมายเลขอะไร เป็นต้น ก็แนะนำให้ทำฉลากสำหรับทุก ๆ จุด และจัดวางของอย่างเป็นระเบียบ จัดกลุ่มสิ่งที่เหมือนกันไว้ที่เดียวกัน

3. สะอาด
สะอาด ก็ตรงตัวครับ คือทำความสะอาดอุปกรณ์ เครื่องใช้ และพื้นที่ทั้งหมด รวมทั้งตรวจสอบและบำรุงรักษาจุดที่จะเป็นปัญหาของอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น น็อตของเก้าอี้ ฟองน้ำของหูฟัง เป็นต้น

4. สร้างมาตรฐาน
สร้างมาตรฐานคือ การปฏิบัติตาม 3 ข้อข้างต้นอย่างสม่ำเสมอ ทำทันที อย่าผัดวันประกันพรุ่ง และไม่ใช่การทำตามกำหนดการ เช่น กำหนดทำ 5 ส. ปีละครั้ง เป็นต้น แต่ต้องทำทุกวัน ทำตลอดเวลา มีมาตรฐานการทำงานที่แนนอน เป็นลายลักษณ์อักษร

5. สร้างนิสัย
สร้างนิสัยคือการตรวจสอบการปฏิบัติตามหลักการ 4 ส.แรกอย่างสม่ำเสมอ หากมีพนักงานใหม่ ก็ต้องจัดอบรมให้ทราบถึงขั้นตอนต่าง ๆ และคอยตรวจสอบ พร้อมให้คำปรึกษา เพื่อให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

หากเราทำตามนี้ได้ ก็จะช่วยให้เราสามารถประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย และลดความสูญเสียได้อย่างมากทีเดียว ทั้ง ๆ ที่เราไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มแต่อย่างใด

การแข่งขัน

วันก่อนเข้าไปอ่านเว็บบอร์ดเกี่ยวกับร้านอินเตอร์เน็ต ที่เข้ามาบ่นว่าพอเราเปิดร้านฯ และท่าทางไปได้ดี ก็มีคู่แข่งมาเปิดร้านใหม่ตรงข้าม พร้อมทั้งสเปคเครื่องคอมฯที่ดีกว่า ทำให้ลูกค้าเดิมหายไปเล่นร้านใหม่

ข้อดีของการมีร้านคู่แข่งมาเปิดใกล้ ๆ กับร้านเรา ก็คือ พื้นที่ร้านเราเป็นแหล่งของร้านอินเตอร์เน็ตนั่นเอง ลองนึกตัวอย่างดูอย่างห้างพันธุ์ทิพย์ ที่เป็นแหล่งรวมร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มากมาย เปิดร้านติดกัน ตรงข้ามกัน เยื้องกัน ลูกค้าที่ต้องการซื้อคอมฯ ก็รู้จักห้างพันธุ์ทิพย์ว่าเป็นแหล่งของอุปกรณ์คอมฯ ถ้าหากว่ามีร้านนึงไปเปิดอยู่ที่เซ็นทรัลเวิล์ด ก็จะมีลูกค้าเฉพาะคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเท่านั้น

นั่นคือ ถ้ามีร้านอินเตอร์เน็ตมาเปิดรวมกันเยอะ ๆ ลูกค้าก็จะหลั่งไหลมายังจุดนั้น ๆ เพราะถ้าร้านไหนเต็ม ก็สามารถเดินไปเล่นอีกร้านที่ใกล้ ๆ กันได้ แต่หากบริเวณนั้นมีแค่ร้านเดียว ลูกค้าไป และปรากฏว่าที่นั่งเต็ม ลูกค้าก็จะเสียเวลาในการเดินทางไปโดยเปล่าประโยชน์ ถ้าลูกค้ารายนั้นตั้งใจมาเล่นเน็ตทุกครั้งและพบว่าที่นั่งเต็มทุกครั้ง เค้าย่อมเปลี่ยนไปใช้บริการร้านเน็ตแหล่งอื่นที่เป็นแหล่งรวมร้านเน็ตจะดีกว่า เพราะร้านไหนเต็มก็สามารถไปเล่นร้านอื่น ๆ ได้

การที่จะดูว่า เมื่อไหร่จะมีร้านใหม่มาเปิดแข่งขันเพิ่มหรือไม่นั้น ก็สังเกตง่าย ๆ โดยสมมุติว่ามีร้านเราร้านเดียว มีเครื่องคอมฯอยู่ 10 เครื่อง ปรากฏว่าเครื่องเต็มตลอด และเราคิดว่าควรขยายร้านเพิ่มเติมเมื่อไหร่ นั่นก็แสดงว่าจะมีคู่แข่งเข้ามาแข่งขันในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน เพราะเรามองเห็นโอกาส คนอื่นก็มองเห็นโอกาสนั้นเช่นกัน เนื่องจากธุรกิจร้านอินเตอร์เน็ต เป็นธุรกิจที่ไม่ต้องใช้ทักษะมากนัก ทุกคนที่มีเงินก็สามารถเข้ามาดำเนินกิจการได้

แล้วเราควรทำอย่างไรดี เราต้องมองไปล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ปี ลองคิดว่าเดือนนี้อีก 1 ปีข้างหน้าร้านเราจะดำเนินธุรกิจอย่างไร ลูกค้าจะเข้ามาใช้บริการมากน้อยแค่ไหน เป็นลูกค้ากลุ่มไหน เช่น หากคุณมองว่าธุรกิจนี้ยังสามารถขยายตัวได้อีก ก็ต้องรีบขยายร้านให้เพียงพอกับความต้องการ เปิดสาขาเพิ่มก่อนที่คู่แข่งจะตัดสินใจเข้ามา

แต่หากเรามีเงินทุนไม่เพียงพอ ผมไม่แนะนำให้กู้แบงค์นะครับ ขอให้ลงทุนแต่พอดี ไว้มีเงินเก็บเพียงพอแล้วค่อยขยายนะครับ ขอให้จำคำว่า "อยู่อย่างพอเพียง" แล้วเราจะอยู่อย่างมีความสุขครับ

ก็ปล่อยให้คู่แข่งเข้ามาเปิด เพราะอย่างน้อยก็ช่วยส่งเสริมให้ร้านเราอยู่ในทำเลที่ดี (place) ต่อจากนั้นเราก็ต้องพัฒนาตัวเราเองให้ทัดเทียมกับคู่แข่งขัน โดยนำ 4 p มาวิเคราะห์ต่อ

product - สินค้าและบริการ
สินค้าและบริการของร้านอินเตอร์เน็ต+เกมส์คืออะไร สินค้าหลักก็คือ อินเตอร์เน็ตและเกมส์ ลูกค้าที่เข้ามาในร้านตั้งใจที่จะเข้ามาใช้งานอินเตอร์เน็ตหรือเกมส์ ลองนึกภาพว่า คุณเข้าไปใช้งานร้านอินเตอร์เน็ต+เกมส์แห่งหนึ่ง ปรากฏว่า
  • อินเตอร์เน็ตช้ามาก หรือเกมส์มีแต่เกมส์เก่า ๆ ไม่ทันสมัย คุณจะรู้สึกหงุดหงิดแค่ไหน?
  • เมาส์ คีย์บอร์ด กดไม่ค่อยติด แข็งเกินไป หูฟังดังข้างเดียว คุณจะรู้สึกหงุดหงิดแค่ไหน?
  • แอร์ไม่เย็น โต๊ะ-เก้าอี้สกปรก ขาด โยกเยก คุณจะรู้สึกหงุดหงิดแค่ไหน?
  • ถามอะไรพนักงานก็ตอบไม่ได้ พนักงานพูดจาฟังไม่เข้าหู แต่งตัวสกปรก คุณจะรู้สึกหงุดหงิดแค่ไหน?

เพราะฉะนั้น คุณต้องจัดการกับสิ่งที่เป็นพื้นฐานเหล่านี้ให้ดีซะก่อน จากนั้นก็มาเสริมบริการต่าง ๆ ให้ดีขึ้น* อะไรที่ร้านคู่แข่งมีและเราไม่มีบ้าง ถ้าเราสามารถหามาเพิ่มได้ก็ทำ แต่ถ้าไม่สามารถก็ไม่จำเป็น อย่างที่ผมเคยเขียนไปก่อนหน้านี้ ที่ว่ากลยุทธ์เราคืออะไร เราต้องหาจุดต่างจากคู่แข่งให้ได้ อย่าไปทำตามคู่แข่ง เพราะยังไงเสีย ร้านคู่แข่งก็ได้เปรียบในเรื่องของอุปกรณ์คอมฯต่าง ๆ ใหม่กว่าเราอยู่แล้ว

price - ราคา
ถ้าราคาเท่ากันก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่ถ้าหากร้านคู่แข่งราคาต่ำกว่า ขอให้อย่าพึ่งลดราคาตาม เพราะลดแล้วจะขึ้นกลับมาอีกครั้ง จะเป็นไปได้ยาก ยกเว้นคุณไม่มีจุดต่างจากร้านคู่แข่งเลย ก็ต้องปรับราคาลงมาให้เท่ากับคู่แข่ง

เพราะฉะนั้น คุณต้องพยายามสร้างจุดต่างจากคู่แข่ง เพราะอย่างน้อยลูกค้าก็จะมองเห็นว่าที่ต้องจ่ายราคาที่สูงกว่าคู่แข่ง ก็เพราะร้านคุณมีจุดต่างที่เห็นได้ชัดจากคู่แข่ง

place - ทำเล
ร้านเราเป็นจุดดึงลูกค้าหรือไม่? ถ้ายังก็ต้องเสริมและสร้างให้เกิดขึ้น*

promotion - การสื่อสารการตลาด
กิจกรรมต่าง ๆ ภายในร้าน โดยเฉพาะร้านเกมส์สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้หลากหลาย*

* หมายเหตุ : บางเรื่องผมจะไม่พูดถึง เพราะบางอย่างก็เป็นกลยุทธ์ของร้านผมเช่นกัน เพราะฉะนั้นขอให้เพื่อน ๆ คิดวิเคราะห์ด้วยตนเองนะครับ

ลองหาข้อมูลและวิเคราะห์ดูครับ ผมเชื่อว่าตลาดร้านอินเตอร์เน็ตและเกมส์ยังเติบโตได้อีกเยอะ ทุกคนสามารถอยู่รอดได้

วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2551

โลกร้อน

ช่วงนี้ทุกวันต้องได้ยินได้อ่านเรื่องปัญหาโลกร้อน ก็มีการรณรงค์กันลดการใช้พลังงานเพื่อลดโลกร้อน แต่ยังไม่ค่อยมีการรณรงค์ให้ปลูกต้นไม้เพื่อดูดซับสารคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้โลกร้อนเลย

ปัจจุบันเรามีการนำสารให้พลังงานมาใช้มากขึ้น ซึ่งสารเหล่านี้เมื่อมีการใช้จะปล่อยสารคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้โลกร้อนออกมา ซึ่งหากเรามีต้นไม้เยอะ ๆ ที่คอยช่วยดูดซับสารเหล่านั้นละก็ ก็คงไม่มีปัญหาโลกร้อนหรอกครับ แต่เพราะทุกวันนี้ ต้นไม้ถูกตัดทำลายลดลงไปอย่างมากที่สุด เนื่องจากการขยายตัวของการทำการเกษตร หรือการขยายพื้นที่อยู่อาศัย

ผมว่าน่าจะมีการรณรงค์ปลูกต้นไม้กันดีกว่า รณรงค์ลดการใช้พลังงานนะ ถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาส ก็ช่วย ๆ กันปลูกต้นไม้นะครับ โดยเฉพาะไม้ยืนต้น อาจจะเป็นพวกผลไม้ก็ได้ เช่น ขนุน ที่ช่วยหนุนตัวเราให้ดีขึ้น

มาว่ากันเรื่องโอกาสทางธุรกิจดีกว่า ว่าโลกร้อนแบบนี้ ธุรกิจอะไรที่น่าจะดีบ้าง แน่นอนก็ต้องเป็นธุรกิจทำความเย็น ไม่ว่าจะเป็นแอร์คอนดิชั่นทั้งในบ้าน และในรถยนต์ พัดลมบ้านและมือถือ พัดมือธรรมดา นอกจากนั้นก็จะเป็นสถานที่ที่ให้ความเย็น เช่นที่ทำงาน ห้างสรรพสินค้า และร้านอินเตอร์เน็ต :)

สมัยก่อนผมทำงานบริษัท ช่วงหน้าร้อนนี่ ตื่นเช้ามากครับ เพราะร้อน ก็รีบอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน นั่งตากแอร์ในที่ทำงาน ช่วงเย็นก็อยู่ค่ำหน่อย เพราะกลางคืนก็ร้อน

ส่วนวันหยุดก็ไปเดินตามห้างสรรพสินค้าครับ ก็มีทั้งซื้อและไม่ซื้อ เพราะฉะนั้นผมว่าหน้าร้อนนี่ ห้างสรรพสินค้าน่าจะขายสินค้าได้มากขึ้นนะครับ

ส่วนร้านอินเตอร์เน็ต ก็จะมีคนที่เข้ามาใช้บริการเร็วขึ้น และบ่อยขึ้นครับ ร้อนเมื่อไหร่ก็แว่บมาเล่น ก็ช่วยได้ส่วนหนึ่งครับ

ช่วงหน้าร้อนแบบนี้ แอร์ก็ทำงานมากขึ้นครับ ค่าไฟก็สูงตามไปด้วย โดยเฉพาะค่าไฟที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย ทำให้เดือนที่ผ่านมา ค่าไฟร้านผมสูงมากเป็นประวัติการ ก็ต้องหามาตรการลดค่าไฟมาใช้ครับ

  1. ล้างแผ่นกรองฝุ่นของแอร์บ่อยขึ้นครับ จากเดือนละครั้ง ก็ต้องเปลี่ยนเป็นเดือนละสองครั้ง หรือต่อไปอาจต้องเปลี่ยนเป็นสัปดาห์ละครั้ง เอาไว้คอยดูฝุ่นที่เกิดขึ้นก่อน
  2. อุปกรณ์ไฟฟ้าที่สามารถถอดปลั๊กได้ ต้องถอดให้หมด ไฟเส้นไหนที่ไม่ได้ใช้ต้องสับสวิตซ์ปิดไฟให้หมด ช่วงนี้ผมก็มานั่งศึกษาเส้นทางเดินสายไฟแต่ละเส้นอยู่ครับ
  3. ปิดเครื่องคอมฯเร็วขึ้น เมื่อก่อนผมก็จะปล่อยเครื่องคอมฯ เปิดค้างไว้ แต่ตั้งให้ปิดหน้าจอไว้เมื่อไม่ได้ใช้งานครบ 10 นาที และจะปิดเครื่องเมื่อใกล้กำหนดปิดร้าน ตอนนี้ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็น ช่วงไหนที่เครื่องว่างเยอะ ๆ ก็สั่งปิดเครื่องว่างทั้งหมดเลยครับ ลูกค้ามาเมื่อไหร่ก็ให้ลูกค้าเปิดใหม่

ก็หวังว่าจะช่วยลดค่าไฟได้บ้าง ถึงจะเล็กน้อยก็ตาม จะได้เอาค่าไฟที่ลดนี้ไปเพิ่มค่าจ้างพนักงานได้ เพราะอย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าค่่าข้าวเพิ่มขึ้นวันละ 15 บาท เท่ากับเดือนละ 450 บาท เงินเดือนพนักงานที่ไม่มากนัก ก็ถือเป็นเปอร์เซนต์ที่สูงอยู่ครับ

ซึ่งถ้าหากค่าไฟยังสูงต่อเนื่องต่อไปแบบนี้ ผมอาจจะต้องทำร้านและวางระบบแอร์ใหม่ก็ได้ เพราะเพดานตอนนี้สูงประมาณ 3 เมตร และแอร์เป็นรุ่นเก่ามานานแล้ว อาจต้องทำฝ้าเพดานเพื่อลดให้สูงเพียง 2.5 เมตร และซื้อแอร์เบอร์ 5 รุ่นใหม่มาใช้แทน ก็อาจต้องคำนวนค่าใช้จ่ายระหว่างทำใหม่กับใช้ของเดิมอีกครั้งนึง

วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2551

อยู่ตรงไหน

วันนี้ก็นั่งอ่านกระทู้ต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็ไปเจอกระทู้หนึ่ง เป็นกระทู้เกี่ยวกับร้านเกมส์เรื่องตัดราคากัน จริง ๆ แล้วเรื่องการตั้งราคาก็เป็นส่วนผสมหนึ่งในส่วนผสมการตลาด ที่ประกอบไปด้วย product, price, place และ promotion

การทำธุรกิจร้านเน็ตหรือร้านเกมส์ในปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันสูง ประกอบกับเป็นธุรกิจที่คนไม่มีความรู้ก็สามารถเข้ามาทำได้ เพียงแค่มีเงินลงทุน ทำให้หลาย ๆ ร้านเปิดใหม่ที่มีเจ้าของร้านที่ไม่มีความรู้ด้านการตลาด จะเน้นหนักไปที่การทำกลยุทธ์ด้านราคาเป็นสำคัญ

ร้านประเภทนี้ เจ้าของมักจะไม่มีความรู้ทางบัญชีและการเงิน เพราะหากเราคิดดูดี ๆ แล้ว เรามีค่าใช้จ่ายต่อเดือนมากมายดังนี้ คือ
  1. ค่าเช่าร้าน
  2. ค่าอุปกรณ์คอมฯ, โปรแกรม, เฟอร์นิเจอร์ และค่าตกแต่งร้าน
  3. ค่าจ้าง
  4. ค่าสิ้นเปลืองอื่น ๆ
ค่าเช่าร้าน
ค่าใช้จ่ายรายการนี้ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง ทำเลที่ตั้งดีก็จะมีค่าเช่าสูง ทำเลที่ตั้งไม่ดีก็จะมีเค่าเช่าต่ำ บางท่านอาจจะให้บ้านพักของตนเองเป็นที่เปิดกิจการ แต่ท่านก็ต้องนำค่าใช้จ่ายส่วนนี้เข้ามาคำนวนไว้ด้วย โดยคิดว่าหากท่านให้ผู้อื่นมาเช่า ท่านสมควรจะได้รายได้เท่าใดบวกเข้าไปในค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน แต่ละวัน

ค่าอุปกรณ์คอมฯ, โปรแกรม, เฟอร์นิเจอร์ และค่าตกแต่งร้าน
ค่าใช้จ่ายรายการนี้จะเป็นค่าเสื่อมราคาของอุปกรณ์และโปรแกรมต่าง ๆ ทั้งหมด ในส่วนตัวผมเองคิดที่ 3 ปี (สูงสุด 5 ปี) ก็นำค่าใช้จ่ายทั้งหมดบวกดอกเบี้ยเงินฝาก แล้วก็เอามาหารจำนวนปี เดือน วัน ก็จะได้เป็นค่าเสื่อมต่อวัน เมื่อครบตามจำนวนปีที่กำหนด หากเราสามารถขายอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ ก็ได้เป็นกำไรไปครับ

ค่าจ้าง
เป็นค่าใช้จ้างพนักงานและตัวเอง ก็ต้องกำหนดให้แน่ชัดลงไปว่าพนักงานเท่าไหร่ ตัวเองเท่าไหร่ แล้วก็นำมาหารจำนวนวัน ก็จะได้เป็นค่าใช้จ่ายต่อวัน โดยเฉพาะค่าจ้างของตนเอง ควรตั้งโดยดูองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง เช่น หากไปทำงานเป็นพนักงานกินเงินเดือน จะได้เท่าไหร่ ตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของกิจการขนาดนี้ควรเป็นเท่าไหร่ อย่างผม ผมให้เงินเดือนตัวเองที่ 20,000 บาท ทั้ง ๆ ที่สมัยก่อนที่ผมทำงานเป็นพนักงานได้เฉลี่ยที่ 50,000 กว่าบาท เพราะผมมองว่าธุรกิจขนาดนี้ น่าจะเริ่มต้นเท่านี้ก่อน แต่ก็ยังมีโอกาสขยายกิจการเพิ่มเติม ซึ่งแน่นอนรายได้ก็จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

ค่าสิ้นเปลืองอื่น ๆ
ได้แก่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าน้ำยาทำความสะอาด ค่ากระดาษ ค่าหมึก ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เอาค่าใช้จ่ายจริง 3 เดือนย้อนหลังมาเฉลี่ย จะได้ทราบค่าใช้จ่ายขั้นต่ำโดยประมาณ แล้วมาหารจำนวนวัน ก็จะได้เป็นค่าใช้จ่ายต่อวัน

อย่างของผมเองค่าใช้จ่ายต่อวัน ประมาณ 2,400 บาท หากเดือนใดได้รายได้เฉลี่ยต่อวันต่ำกว่านี้ เดือนนั้นก็จะขาดทุน เดือนใดได้รายได้เฉลี่ยต่อวันสูงกว่านี้ ก็จะได้กำไร ซึ่งต้องบอกตามตรงว่าเดือนเมษานี้มีโอกาสเท่าทุนหรือขาดทุน แต่เดือนก่อนหน้านี้ก็พอมีกำไรบ้าง

เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว เราก็จะรู้สถานะทางการเงินของตนเอง หากขาดทุนทุกเดือนก็ต้องกลับมาพิจารณาแล้วว่า ควรเลิกแล้วไปหากิจการอย่างอื่นทำ หรือกลับไปเป็นพนักงานเหมือนเดิม หรือหาทางพัฒนาธุรกิจ สร้างยอดขายให้ครอบคลุมรายจ่ายให้ได้

ร้านที่สามารถใช้กลยุทธ์ราคาต่ำ คือ 10 บาท เค้าอาจคำนวนว่ารายได้ขนาดนี้เมื่อคำนวนแล้วครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่อวันของเค้าได้ ก็ต้องปล่อยให้เค้าดำเนินกิจการต่อไป แต่ถ้าหากเค้าตั้งโดยไม่ได้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว ก็เชื่อได้เลยว่า เค้าจะเปิดกิจการไม่ได้นานหรอก

แล้วร้านที่มีค่าใช้จ่ายสูง แน่นอนก็ต้องตั้งราคาที่สูงกว่า แต่ในราคาที่สูงกว่านั้น อะไรล่ะที่สูงกว่า เช่น ค่าเช่าสูงกว่า ก็ต้องบริหารพื้นที่ในร้านให้เกิดรายได้มากที่สุด ค่าจ้างสูงกว่า ก็ต้องพัฒนาพนักงานให้เกิดทักษะในการทำงานที่สูงตามไปด้วย ก็ในเมื่อค่าบริการของเราสูงกว่าแล้ว ก็ต้องสร้างคุณค่าในสายตาผู้บริโภคให้สูงตามมูลค่าที่เค้าจะต้องจ่ายออกไป

แล้วถ้าทุกร้านราคาเท่ากันหมดล่ะ ทำอย่างไร ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าการตลาดมี 4 p เราก็ต้องกลับมาดูว่า p ตัวไหนของเราที่ด้อยกว่าคู่แข่ง product-เครื่องคอมฯและบริการต่าง ๆ หรือ? place-ทำเลหรือ? promotion-การตกแต่งร้านหรือ?

ก็ต้องออกสำรวจร้านคู่แข่งและประเมิณจุดแข็ง-จุดอ่อนของทั้งของเราและคู่แข่ง แล้ววางแผนปรับปรุงจุดอ่อนให้เท่าเทียมหรือดีกว่าคู่แข่ง พร้อมทั้งเสริมจุดแข็งให้ดียิ่งขึ้นไป หากทำได้

โดยการปรับปรุงจุดอ่อนนี้ต้องกำหนดเป็นกลยุทธ์ และนำมาใช้สร้างความแตกต่างให้ลูกค้าจำได้อย่างชัดเจน ว่าร้านของเรามีจุดเด่นอะไรที่ต่างจากร้านคู่แข่ง แล้วเราจะได้ไม่ต้องไปแข่งขันกันที่ราคาอย่างเดียว

ผมฝากให้ลองศึกษาธุรกิจร้านกาแฟเป็นตัวอย่างก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นสตาร์บั๊ค โอบองแปง ร้านกาแฟโบราณ ลองนั่งคิดวิเคราะห์ดูว่าทำไมเค้ายังอยู่กันได้

วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2551

ค้าขายบนอีเบย์

เมื่อวานนี้ ผมได้เครื่อง CD-RW มือสองมาตัวนึง ก็เลยเอาไปใส่เครื่องที่ร้าน ประมาณสี่ทุ่ม ปรากฏว่าตอนนั้นมีเครื่องว่างอยู่เครื่องเดียว ก็เลยจัดการเอาไปใส่เครื่องที่ว่าง หลังจากที่ใส่และประกอบเก็บเรียบร้อยแล้ว ก็สังเกตุได้ว่าตัวเคสบริเวณเพาเวอร์ซัพพลายอุ่น ๆ ซึ่งปกติแล้วจะไม่เป็นเช่นนี้ เพราะอยู่ในห้องแอร์

ผมก็เลยเปิดเครื่องใหม่ และอ้อมไปดูเพาเวอร์ซัพพลายด้านหลัง ปรากฏว่าพัดลมของเพาเวอร์ซัพพลายไม่หมุน คงเพราะฝุ่นสีเข้าไปอุดตัน เครื่องที่ร้านผมเคยเกิดกรณีนี้มาแล้วสองเครื่องที่พัดลมเพาเวอร์ซัพพลายไม่หมุน ตอนนั้นผมไปถาม ๆ ที่พันธ์ทิพย์ ปรากฏว่าเค้าไม่ซ่อมกัน ผมก็เลยจัดการซ่อมเอง

วิธีซ่อมก็ไม่ยากครับ เปลี่ยนพัดลมตัวใหม่ วันนี้ก็เลยไปซื้อพัดลมเคสมาเปลี่ยน ครั้งก่อนซื้อได้ตัวละ 20 บาท แต่คราวนี้ร้านที่เคยซื้อไม่มีแล้ว ต้องไปซื้อร้านอื่น 25 บาท โดยแกะเพาเวอร์ซัพพลายออกมาและเอาพัดลมตัวที่เสียออก จากนั้นก็เอาตัวใหม่เปลี่ยนเข้าไป โดยเอาขั้วต่อสายไฟยื่นออกมาข้างนอก เสียบกับขััวต่อของสายเพาเวอร์ข้างนอก

สองตัวก่อนหน้านั้นเมื่อประกอบกลับก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ครั้งนี้เมื่อประกอบกลับแล้วเปิดเครื่อง ปรากฏว่ามีเสียงใบพัดขัดกับอะไรซักอย่าง เสียงดังมาก จึงต้องรื้อออกมาตรวจสอบ ก็ปรากฏว่าใบพัดของพัดลมตัวใหม่ยื่นออกมามากเกินไป อาจเป็นเพราะพัดลมที่ผมซื้อมาคราวนี้เป็นแบบหนาก็ได้ ก็แก้โดยเอามีดเฉือนใบพัดส่วนที่ยื้นออกมาจนไปขัดกับบอร์ดของเพาเวอร์ซัพพลาย

ก็ต้องจำไว้ว่า คราวต่อไปต้องซื้อพัดลมเคสแบบบางเท่านั้น

หลังจากจัดการงานในร้านเรียบร้อย ก็มานั่งเปิดเว็บ และเห็นข่าวประกาศขายอุปกรณ์เน็ตเวอร์คสวิตชิ่งตัวนึง น่าสนใจมาก เพราะราคาปกติสามหมื่นกว่าบาท แต่กลับนำมาขายเพียงสามพันบาท ผมก็เลยโทรไปสอบถาม ปรากฏว่าเหลืออยู่หนึ่งตัว ก็เลยจัดการไปสอยมา

ก็กะว่าจะเก็บไว้เป็นตัวสำรองเผื่อกรณีสวิตชิ่งที่ร้านเสีย ซึ่งที่ร้านผมใช้แค่ 16 พอร์ตเท่านั้น แต่ตัวที่ซื้อมานี้มี 24 พอร์ต

ในช่วงนี้ที่ยังไม่ได้ใช้งาน ก็เลยกะว่าน่าจะลองหาโอกาสทำกำไรจากสินค้าตัวนี้ดู ก็เลยเข้าอีเบย์ไปโพสต์ขาย เผื่อขายได้ก็ได้กำไรกว่าเท่าตัวทีเดียวนะครับ ก็หวังว่าจะมีคนสนใจซื้อไปใช้นะ เพราะเดือนนี้รายได้ของร้านลดลงจากช่วงสามเดือนที่แล้วค่อนข้างเยอะ ประมาณ 10-15 เปอร์เซนต์ทีเดียว

ถ้าขายสวิตช์ตัวนี้ได้ก็จะได้รายได้กลับมาเท่า ๆ กับเดือนก่อน ช่วงนี้ก็ต้องหารายได้ทุกทางละครับ เพื่อน ๆ ก็เอาอย่างผมได้นะครับ ว่าง ๆ ก็หาสินค้าที่น่าสนใจในตลาดมือสองนำมาขายต่อเอากำไร แต่ต้องเก็งให้ดีนะครับ ว่าอะไรน่าจะขายได้หรือไม่ได้ ไม่งั้นทุนจมครับ

วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2551

ข้าวยาก หมากแพง

ช่วงนี้เปิดทีวีดูรายการข่าว ก็จะมีรายงานเกี่ยวกับราคาข้าวและน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ปกติถ้าวันไหนผมไม่ได้ไปไหน ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผมจะหมดไปกับการกิน โดยเป็นการกินข้าวมื้อหลัก ๆ ซะ 70-80% ซึ่งตอนนี้ร้านค้าข้าวแถวบ้านก็ปรับราคาขึ้นจาก 25 เป็น 30 บาท เพิ่มขึ้นมา 20% ทีเดียว

ส่วนถ้าหากผมเดินทางออกไปข้างนอก หากอยู่ในระยะ 2 กิโล ผมก็จะเดินเอา ถ้าไกลกว่านั้น ก็จะนั่งรถประจำทาง ซึ่งตอนนี้ต้องวางแผนการเดินทางให้ต่อรถน้อยคันที่สุด เพราะไปกลับครั้งนึงไม่ต่ำกว่า 20 บาท บางครั้งสูงถึง 50 บาทก็มี

ซึ่งหากมาคำนวนดูแล้ว สมมุติผมทานข้าววันละ 3 มื้อ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มมื้อละ 5 บาท รวม 15 บาท หนึ่งเดือนก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 450 บาททีเดียว โดยเงินเดือนผมตั้งให้ตัวเองอยู่ที่ 20,000 บาท เท่ากับว่าเงินเดือนผมมีอัตราเงินเฟ้อที่ 2.25%

ส่วนราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ณ ขณะนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าอาจพุ่งสูงถึง 150-180 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล เท่ากับว่าราคาปลีกน้ำมันในไทยจะเท่ากับ 45-50 บาท ย่อมส่งผลให้อัตราค่ารถประจำทางต่าง ๆ จะขึ้นไป คงไม่ต่ำกว่า 10-15 บาทต่อครั้ง

แล้วจะแก้วิกฤตินี้อย่างไรได้บ้าง ในเมื่อเงินเดือนด้อยค่าลงและค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น

1. เพิ่มรายได้
2. ลดรายจ่าย

ในการเพิ่มรายได้นั้น ขณะนี้ผมมีรายได้หลักจากร้านอินเตอร์เน็ตอย่างเดียว ซึ่งโอกาสในการปรับค่าบริการสูงขึ้นในขณะนี้คงยังทำไม่ได้ ยกเว้นทุกร้านในละแวกเดียวกันปรับราคาขึ้นพร้อมกัน ดังนั้นคงต้องเพิ่มสินค้าและบริการ หรือเพิ่มช่องทางจำหน่าย

ในส่วนของการเพิ่มสินค้าและบริการนั้น ณ ขณะนี้ผมก็พยายามหาบริการที่เกียวเนื่องกับบริการอินเตอร์เน็ตมาเสริมเรื่อย ๆ เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้กับลูกค้า ทั้งลูกค้าประจำและขาจร

ส่วนการเพิ่มช่องทางจำหน่ายนั้น ตอนนี้ก็มอง ๆ หาพื้นที่ที่จะขยายสาขา หรือทำธุรกิจอื่นเพิ่ม เพราะข้อเสียของธุรกิจบริการอย่างหนึ่งก็คือ ไม่สามารถขยายตัวได้มาก ถ้าจะขยายก็ต้องลงทุนเพิ่มค่อนข้างสูง ดังนั้น ผมจึงมอง ๆ หาธุรกิจซื้อมา-ขายไป หรือธุรกิจผลิตสินค้าเกษตร ซึ่งก็กำลังตัดสินใจอยู่

ในช่วงนี้ผมก็ไปลงเรียนอิเลคทรอนิคส์พื้นฐานที่โรงเรียนฝึกวิชาชีพระยะสั้น เพื่อที่จะได้นำความรู้กลับมาซ่อมคอมฯในร้านด้วยตนเอง พร้อมทั้งรับซ่อมคอมฯให้ลูกค้าด้วย ซึ่งผมมองว่าธุรกิจรับซ่อมคอมฯยังมีโอกาสอยู่พอสมควร แม้ว่าปัจจุบันราคาคอมฯจะลดลงมาระดับหนึ่งแล้วก็ตาม

ในส่วนของการลดรายจ่าย ก็ต้องนำของเสียมาวิเคราะห์ถึงปัญหาว่าต้นเหตุเกิดจากอะไร และจะมีวิธีป้องกันอย่างไร เริ่มตั้งแต่การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ทั้งของร้านและของตัวเอง ต้องหาแหล่งซื้อที่มีราคาต่ำกว่าปัจจุบัน ในขณะที่คุณภาพไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ หมึกพิมพ์ น้ำยาทำความสะอาด และอื่น ๆ ส่วนของข้าวนั้น ก็เปลี่ยนร้านไปทานร้านที่ขายราคาถูกกว่าหรือเปลี่ยนไปกินก๋วยเตี๋ยวแทน

ก็ขอฝากให้เพื่อน ๆ ระมัดระวังค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ดี ควบคุมให้อยู่ในระดับที่อยู่ได้นะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2551

ติดตั้งวิสต้า

ที่ร้านอินเตอร์เน็ตของผม ยังคงใช้วินโดว์สเอ็กซ์พีอยู่ครับ เพราะเครื่องที่ร้านสเปคค่อนข้างต่ำ คือใช้ แอธล่อน 1800 และแรม 256-512 เท่านั้น ซึ่งใช้ร่วมกับเอ็กซ์พีได้ดีครับ ความเร็วในการทำงานยอมรับได้ ส่วนที่ห้องผม ก็มีเครื่องคอมรุ่นเดียวกัน คือ แอธล่อน 1800 และแรม 384 ซึ่งก็ใช้เอ็กซ์พีเช่นเดียวกัน

ผมเคยลองคิดที่จะลงวิสต้า แต่ปรากฏว่าวิสต้าต้องลงจากแผ่นดีวีดี ซึ่งเครื่องผมไม่สามารถอ่านแผ่นดีวีดีได้ อ่านได้เฉพาะแผ่นซีดี และเท่าที่เคยได้ยินมาเครื่องคอมควรมีแรมอย่างต่ำ 1 จิ้ก เพื่อการทำงานที่ราบรื่น ผมก็เลยตัดใจและก็ไม่ได้ลองใช้งานวิสต้า

จนมาเมื่อเดือนที่แล้ว ผมอ่านเว็บไปเจอวินโดว์ วิสต้า ขนาดเล็ก โดยใช้แค่แผ่นซีดีแผ่นเดียวสำหรับติดตั้ง ผมก็เลยไปดาวน์โหลดมา จากนั้นก็เขียนใส่แผ่นซีดีและลองนำมาติดตั้ง

ปรากฏว่าติดตั้งไม่ได้ มีข้อความแสดงความผิดพลาดขึ้นมา ผมก็ไม่แน่ใจว่าเกิดจากอุปกรณ์คอมผมเก่าไปหรือเปล่า ลองอยู่หลายครั้ง ก็แสดงข้อผิดพลาดเช่นเดิม ทัั้ง ๆ ที่ผมฟอร์แมตพาร์ทิชั่นที่จะลงแล้วก็ตาม เพราะวิสต้าเวอร์ชั่นนี้ลงกับเครื่องใหม่เท่านั้น

ก็เลยล้มเลิกไป กลับมาใช้เอ็กซ์พีเหมือนเดิม ซึ่งผมโกสต์ไว้ก่อนที่ผมจะฟอร์แมตไป

จนเมื่อวานนี้ ผมทดลองลงใหม่ ปรากฏว่าลงได้ ซึ่งผมต้องลงอยู่หลายรอบเหมือนกันกว่าจะผ่าน ผมก็เลยอยากจะนำวิธีลงมาเผยแพร่ให้ทราบกัน

เครื่องคอมฯของผม แบ่งพาทิชั่นออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกไว้ลงวินโดว์กับโปรแกรม ส่วนสองไว้เก็บข้อมูล ส่วนสามไว้เก็บไฟล์โกสต์ และทั้งสามพาร์ทิชั่นกำหนดเป็นไพรมารี่ทั้งหมด

อีกเรื่องนึงที่เครื่องผมค่อนข้างแปลกก็คือ ปกติผมจะใช้โปรแกรม Norton Ghost และ Partition Magic จากแผ่น Hirens มาใช้ในการทำโกสต์และแบ่งพาทิชั่น ปรากฏว่าแผ่นไฮเรนเวอร์ชั้่นใหม่ ๆ 9.x มองไม่เห็นซีดีของเครื่อง แต่ถ้าใช้เวอร์ชัน 6.2 กลับมองเห็น ก็แปลกดีครับ

วิธีลงวิสต้าในเครื่องที่แบ่งพาทิชั่นเป็นไพรมารีทั้งหมดมีดังนี้ครับ
1. ใช้งานโปรแกรมจัดการพาทิชั่นฟอร์แมตพาทิชั่นที่ต้องการลง และซ่อนพาทิชั่นอื่นทั้งหมด
2. บูทด้วยแผ่นติดตั้งวิสต้า และเลือกฟอร์แมตพาทิชั่นที่จะใช้ลงจากแผ่นติดตั้งวิสต้า

แค่นี้ละครับ เพราะถ้าไม่ซ่อนจะแสดงข้อผิดพลาดระหว่างติดตั้ง และถ้าไม่ฟอร์แมตจากแผ่นติดตั้ง เมื่อลงโปรแกรมเสร็จจะไม่สามารถเข้าวิสต้าในขั้นตอนสุดท้ายได้ครับ

ตอนนี้ผมก็ใช้งานวิสต้าอยู่ ซึ่งวิสต้าเวอร์ชั่นนี้ก็ได้ตัดคุณสมบัติหลาย ๆ อย่างที่ไม่จำเป็นต่อการใช้งานออกไป และหลังจากได้ทดลองใช้งานดูมาหนึ่งวัน ก็พบว่าการตอบสนองจะช้ากว่าเอ็กซ์พีเล็กน้อยครับ แต่ก็ช่วยให้ผมคุ้นเคยกับวิสต้ามากยิ่งขึ้น เพราะบางครั้งลูกค้านำเครื่องคอมมาให้แก้ปัญหา ก็จะได้ใช้งานได้

ปล. ข่าวดีก็คือ ไมโครซอฟท์ยืดอายุเอ็กซ์พีออกไปอีกสองปี หลังจากเคยวางแผนว่าจะหยุดจำหน่ายเดือนมิ.ย.08 นั่นก็ทำให้เครื่องคอมฯผมสามารถใช้หากินได้อีกอย่างน้อยสองปี แต่ปัญหาจริง ๆ ตอนนี้ก็คือ ออฟฟิศ2007 ที่ OO.o เวอร์ชั่นปัจจุบัน 2.4 ยังไม่รองรับไฟล์ของ 2007 จนกว่าจะออกเวอร์ชั่นใหม่ในเดือนก.ย. ก็รอต่อไปครับ

MythBuster

เมื่อวานนี้ผมไปบ้านหม้อ ไปซื้ออุปกรณ์สำหรับนำมาซ่อมหูฟังที่ร้าน หูฟังที่ร้านผมจะเป็นหูฟังแบบเกี่ยวหู ซึ่งโดยปกติแล้วจะต้องเปลี่ยนฟองน้ำ 1-2 เดือนต่อครั้ง

ผมเคยไปบ้านหม้อมาหลายครั้งเพื่อหาซื้อฟองน้ำนี้ และจะเห็นเฉพาะรุ่นขายปลีก คู่ละ 15 บาท ถือว่าราคาสูงมาก จนเมื่อวานที่ผมไปเดิน ก็ไปเจอะเจอร้านนึงจำหน่ายฟองน้ำนี้โดยตรง ถามดูราคาปลีกคู่ละ 5 บาท ราคาส่ง 50 คู่ เหลือ 3 บาท ผมก็เลยซื้อมา 50 คู่

จากนั้นก็ซื้อ MultiMeter, หัวแร้ง, ตะกั่ว, น้ำยาเช็ดกระจกกลับมา เพื่อนำมาซ่อมหูฟังที่เสีย ๆ ก็เดินเลือกซื้อตั้งแต่บ้านหม้อไปจนถึงร้านอมรที่ดิโอลด์สยาม

สมัยก่อนผมเคยทำงานแถววัดสุทัศน์ ซึ่งจะอยู่ใกล้ ๆ กับแยกอุณากรรณ์ ซึ่งเป็นแยกที่มีร้านจำหน่ายปืนเยอะมาก เป็นแหล่งรวมเลยล่ะ

สมัยนั้นเที่ยง ๆ ก็มีแวะไปเดินที่ดิโอลด์บ้าง ไปกินขนมหวานตามซุ้มต่าง ๆ ที่อยู่โถงด้านล่าง หวานมันอร่อยครับ แนะนำ

ซื้อของต่าง ๆ เรียบร้อยแล้วก็นั่งรถเมล์ปอ.60 กลับ ตอนขาไป 14 บาท แต่ขากลับ 12 บาท ก็แปลกดีครับ ช่วงที่ผมนั่งรถขาไปนั้น ผมก็นั่งอยู่บริเวณแถวด้านหน้า ไม่ไกลจากคนขับเท่าไรนัก ก็ได้ยินคนขับคุยกับคนเก็บเงิน เกี่ยวกับเครื่องดื่มชูกำลังอยู่

คนขับก็แนะนำให้กระเป๋าทราบว่า ก่อนดื่มเครื่องดื่มพวกนี้ อย่าให้ท้องว่าง เพราะเครื่่องดื่มนี้จะเข้าไปกัดกระเพาะ เนื่องจากประสบการณ์ของคนขับเคยเอาเครื่องดื่มนี้แช่เหรียญบาทดำ ๆ เมื่อแช่ไว้สักระยะหนึ่ง เอาเหรียญบาทขึ้นมา ปรากฏว่าเหรียญบาทสะอาดเหมือนใหม่เลย

ก็ถือว่าเป็นคุณสมบัติซ่อนเร้นของเครื่องดื่มนี้นะครับ ซึ่งผมก็นั่งฟัง แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อนัก นอกจากจะได้เห็นด้วยตาตนเองซะก่อน

และพอพูดถึงเรื่องการพิสูจน์ความเชื่อแล้ว อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า วันที่ผมเฝ้าร้านเน็ต ผมจะเปิดดูทีวีออนไลน์ ซึ่งช่องที่ผมดูประจำก็คือ ช่อง Discovery ซึ่งช่วงนี้จะมีรายการที่น่าดูอยู่รายการหนึ่ง ก็คือ MythBuster ซึ่งเป็นรายการที่ทำการพิสูจน์ความเชื่อต่าง ๆ ว่าเป็นจริงหรือไม่

เป็นรายการที่น่าสนใจมาก ทำให้เราได้รู้จริงในสิ่งต่าง ๆ และฝึกให้คนเราเป็นคนที่ไม่หลงเชื่ออะไรง่าย ๆ ซึ่งผมอยากให้สถานีโทรทัศน์ฟรีของบ้านเรานำมาออกอากาศบ้าง เพราะตอนนี้มีเฉพาะในเคเบิลทีวี

ผมก็ยังไม่ได้ทำการพิสูจน์หรอกครับว่าคำพูดที่พนักงานขับรถบอกเล่านั้นเป็นความจริงหรือไม่ แต่ถ้าหากวันนึงผมซื้อเครื่องดื่มชนิดนี้มาดื่มแล้ว ไว้ผมจะทดลองให้ทราบกันนะครับ

ส่วนเมื่อกลับบ้านมา ผมก็จัดการซ่อมหูฟังที่เสียอยู่ 3 อัน ก็จับมายำรวมกันได้ 2 อัน เพราะมีลำโพงเสียอยู่ 2 ตัว แล้วไว้ผมค่อยกลับไปซื้อหูฟังถูก ๆ ที่บ้านหม้อมาถอดอะหลั่ยเปลี่ยน 30 บาท/อัน บวกกับตัวดูดตะกั่วกลับมาใช้งานด้วย

ช่วงนี้ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ค่าชั่วโมงอินเตอร์เน็ตของร้านก็ไม่สามารถขึ้นได้ ก็ต้องพยายามประหยัด อะไรซ่อมได้ก็ต้องซ่อมครับ นอกจากได้ความรู้แล้ว เรายังได้ความภูมิใจในการทำงานของเราด้วยนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2551

ดูทีวีออนไลน์

เวลาที่ผมไปเฝ้าร้านเน็ต ถ้าหากลูกค้ามีประมาณครึ่งเดียว ผมจะแอบเปิดทีวีออนไลน์ดู ซึ่งปกติผมจะชอบดูรายการสารคดี เช่น สำรวจโลก, ดิสคัฟเวอรี่ หรือ อีดีเอ็น

ซึ่งมีเว็บให้บริการดูทีวีออนไลน์ที่ผมมักเข้าไปใช้งานก็คือ www.siamtv.org และอื่น ๆ ซึ่งช่วยให้ผมคลายความง่วงไปได้บ้าง แต่ก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนัก เพราะต้องเปิดเว็บเบราเซอร์ก่อน

ดังนั้นผมจึงก็อปปี้โค๊ดของเว็บเหล่านั้นมารวมกันเป็น play list เก็บไว้เปิดจาก Microsoft Media Manager โดยตรง และข้างล่างนี้เป็นโค๊ดของสถานีทีวีช่องต่าง ๆ ครับ


<?wpl version="1.0"?>
<smil>
<head>
<meta name="Generator" content="Microsoft Windows Media Player -- 9.0.0.4503"/>
<author/>
<title>TV</title>
</head>
<body>
<seq>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/sumruajlok.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/discovery.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/liveedn.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/tv3_512.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/tv5.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/tv7a.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/tv9.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/tv11.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/itv_350.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/livemovie.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/mvtv1.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/money.asx"/>
<media src="http://www.siamtv.org/channel/nick.asx"/>
<media src="http://tv.thai4promotion.com/asxfile/138.asx"/>
<media src="http://tv.thai4promotion.com/asxfile/97.asx"/>
<media src="http://www.9cast.net/streaming/thai-moviesplus-23324.asx"/>
<media src="http://www.9cast.net/streaming/inter-nationalgeo-geo343e.asx"/>
<media src="http://www.9cast.net/streaming/inter-homecinema-34ewr.asx"/>
<media src="mms://www.reelgood.tv/reelgoodtv"/>
<media src="mms://203.150.230.89/etv?WMContentBitrate=150000""/>
</seq>
</body>
</smil>


ก็ขอให้ก็อปปี้โค๊ดเหล่านี้ไปไว้ใน notepad แล้วเซฟ จากนั้นเปลี่ยนชื่อไฟล์เป็น tv.wpl แล้วดับเบิ้ลคลิกไฟล์เปิดดูทีวีช่องต่าง ๆ ได้เลยครับ อ้อ มีเฉพาะสถานีที่ผมสนใจเท่านั้นนะครับ

ส่วนถ้าดึกหน่อย หลังเที่ยงคืนไปแล้ว เหลือลูกค้าราย-สองราย ผมก็เปิด Veoh ดูซีรี่ย์ต่าง ๆ โดยช่วงนี้ผมกำลังดู MacGuyver อยู่ เพราะประทับใจสมัยดูตอนเด็ก ๆ MacGyver เป็นพระเอกที่ไม่ใช้ปืน จะใช้ความรอบรู้ทางด้านวิชาการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฟิสิกส์ ชีววิทยา เคมี ความรู้รอบตัว และปัญญาในการเอาตัวรอด หากใครไม่เคยดู ลองดูนะครับ สนุกดี มีทั้งหมด 7 Series ประมาณ 60 ตอน ใน Veoh ให้เสิร์ชหาคำว่า Angus ครับ

แต่ยังไงก็แล้วแต่ ไม่ควรเปิดดูในขณะที่มีลูกค้าเยอะ ๆ นะครับ เพราะจะไปแย่งแบนด์วิธของลูกค้ามา ยังไง ๆ ก็ต้องนึกถึงลูกค้าก่อนนะครับ ถ้าเน็ตช้า ลูกค้าหาย ก็ไม่มีโอกาสมานั่งดูแบบนี้หรอกครับ

เกมกลยุทธ์

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เป็นวันแรกที่รายการเกมกลยุทธ์ทางโมเดิร์นไนน์ออกอากาศ ผมก็นั่งคอยดูว่ารูปแบบรายการจะออกมาเป็นอย่างไร หลังจากดูจบก็เสียดายเล็กน้อย เพราะรูปแบบรายการยังไม่ลงตัวนัก ถ้าเปรียบเทียบกับรายการเรียลลิตี้อื่น ๆ

ในความเห็นของผม รายการควรแนะนำตัวผู้เข้าแข่งขันก่อน ว่าเหตุใดพวกเขาเหล่านั้นจึงถูกคัดเลือกเข้ามาเล่นในเกมนี้ มีความคิดหรือความสามารถพิเศษอย่างไร เพื่อจะได้ให้น้อง ๆ นักศึกษาที่ศึกษาทางด้านบริหารธุรกิจเรียนรู้ได้ ว่าจริง ๆ แล้ว ความรู้ความสามารถอะไรบ้างที่ธุรกิจต้องการ เพื่อจะได้เตรียมความพร้อมก่อนทำงาน

ในเทปแรกนี้ต้องบอกว่า ไร้กลยุทธ์ครับ แม้ทางรายการจะพยายามกล่าวอ้างว่ามีการใช้กลยุทธ์หลาย ๆ อย่างก็ตาม แต่ผมก็ยังมองไม่เห็นกลยุทธ์การตลาดใด ๆ ต้องบอกว่าเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของพนักงานขายมากกว่าการวางแผนกลยุทธ์ ไม่มีกลยุทธ์ที่เป็นรูปร่างที่จะช่วยส่งเสริมให้ความเป็นอยู่ของผู้บริโภคดีขึ้นเลย มีเพียงการแข่งขันกันขายสินค้า โดยไม่สนใจวิธีการใด ๆ

ซึ่งในชีวิตจริง การทำเช่นนี้ จะเป็นการฝึกให้พนักงานมีวิสัยทัศน์เอาตัวรอด ไม่มีจรรยาบรรณ ซึ่งส่งผลให้การทำธุรกิจในระยะยาวยากลำบากขึ้น และธุรกิจเสียหายทั้งยอดขายและกำไร แทนที่รายการนี้จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของโอสถสภา แต่กลับเป็นการนำเอาวัฒนธรรมที่ไม่ดีขององค์กรมาเผยแพร่ซะมากกว่า และการวางกลยุทธ์การตลาด เราต้องวางแผนล่วงหน้าอย่างต่ำ 1 ปีครับ และใช้ส่วนผสมทางการตลาดอย่างเหมาะสม

ผมอยากเห็นการนำเสนอแผนงานแข่งขันกัน พร้อมทั้งการวิจารณ์แผนงานนั้น ๆ มากกว่า แม้จะไม่ได้นำไปปฏิบัติจริง ๆ ก็ตาม หรือเป็นเพราะว่านี่คือเทปแรกของรายการ แต่ถ้าหากเทปต่อ ๆ ไป ยังทำได้ไม่ดีกว่านี้ละก็ ผมว่ายกเลิกรายการไปดีกว่า เพราะไม่ได้ให้ประโยชน์กับฝ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

และอยากให้นำธุรกิจ OTOP หรือ SMEs มาสร้างกลยุทธ์แข่งกัน เพื่อช่วยพัฒนาธุรกิจขนาดเล็กที่มีโอกาสน้อยมาเผยแพร่ เพื่อเป็นตัวอย่างในการทำงานของธุรกิจขนาดเล็กอื่น ๆ ได้

ส่วนแง่คิดดี ๆ ที่ได้จากตอนแรกนี้ ที่จำได้มีดังนี้ครับ

  1. คอนเนคชั่น นักธุรกิจที่ดี ต้องรู้จักกับบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานอาชีพสาขาต่าง ๆ และมีความรอบรู้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเดี๋ยวนี้ บริษัทต่าง ๆ จะรับนักศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป เพราะนักศึกษาปริญญาโทเหล่านี้จะรู้จักกับบุคคลต่าง ๆ ในวิชาชีพเดียวกัน และผ่านประสบการณ์การทำงานมาในระดับหนึ่ง นอกจากนั้นก็ตัดเหตุผลในการลาออกว่าจะไปศึกษาต่อได้
  2. ผู้นำ ทุกทีมต้องมีผู้นำ ในครั้งนี้ทุกคนต่างเข้ามาในจุดที่เท่าเทียมกันทั้งหมด และทางทีมงานก็ไม่ได้ให้ที่ปรึกษา จริง ๆ แล้วการทำงานเป็นทีม สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกก็คือ เลือกหัวหน้า ที่จะเป็นคนคุมภาพทั้งหมด เหมือนทีมฟุตบอล ต้องมีโค๊ช ที่จะแจกจ่ายงานให้แต่ละคนทำ และวางกลยุทธ์แก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ใช่ทุกคนอยากเป็นกองหน้า ไม่มีใครยอมเป็นผู้รักษาประตูหรือกองหลัง
  3. ห้ามล้มเลิก มีคนเคยพูดว่า คนเราไม่มีคำว่าล้มเหลว จะมีก็แต่คำว่าล้มเลิก ในช่วงท้ายรายการที่มีการให้โหวตว่าใครคือจุดอ่อน ทุกคนตกลงกันโหวตให้ตัวเองเป็นจุดอ่อน จริง ๆ ในกรณีนี้ไม่ควรโหวตใครเลย แต่ต้องต่อรองขอโอกาสในการทำงานอีกครั้ง เพราะในการทำงานจริง การทำพลาด ถือว่าเป็นการเรียนรู้ที่จะสำเร็จในอนาคต หากเรายอมแพ้ทันทีที่พลาด ความเสียหายก็จะเกิดทั้งกับองค์กรและตัวเราเอง

ผมก็คงติดตามรายการนี้ต่อไป เพราะการดูรายการนี้จะช่วยทบทวนการทำงานที่ผ่านมาของผมด้วย โดยเราสามารถศึกษาความสำเร็จและความล้มเหลวในการทำงานได้พร้อม ๆ กัน

คิดเงินค่าเน็ต

ที่ร้านผม ให้บริการเฉพาะอินเตอร์เน็ต ไม่มีเกม เพราะผมไม่มีความรู้เรื่องเกมเลย เล่นได้แต่เกม Sudoku ส่วนเกมออนไลน์ต่าง ๆ ไม่เคยเล่นเลยครับ ค่าบริการของที่ร้าน ก็คิดชั่วโมงละ 20 บาท เริ่มต้นที่ 10 บาทสำหรับ 30 นาทีแรก และคิดเพิ่ม 5 บาทสำหรับทุก 15 นาทีถัดไป โดยผมเปิดบริการตั้งแต่เวลา 11:00 am - 02:00 am

ผมมีเครื่องให้บริการทั้งหมด 14 เครื่อง และมีเครื่องคิดเงินอีก 1 เครื่อง โดยไม่มีเซิร์ฟเวอร์ครับ ใช้แชร์ความเร็วเน็ตผ่านสวิตซิ่งเลยครับ ช่วงที่เปิดร้านใหม่ ๆ ผมก็ใช้งานโปรแกรม ncafe 1.86 โดยผมลงเฉพาะที่เครื่องคิดเงิน เพราะผมไม่ได้สั่งซื้อโปรแกรมมาใช้งาน

เวลาลูกค้าเดินเข้ามาใช้งาน ผมก็จะคลิกให้โปรแกรมเริ่มจับเวลา โดยผมกำหนดค่าใช้งานในโปรแกรม เท่ากับ 20 บาท /60 นาที = 0.33 บาท/นาที และเริ่มต้นที่ 10 บาท หากลูกค้าเล่นไม่ครบเวลาที่ลงตัว อย่างเช่น ใช้งาน 40 นาที โปรแกรมจะคำนวนได้เท่ากับ 13 บาท ผมก็จะใช้วิธีปัดขึ้นเป็น 15 บาท แต่ถ้าคำนวนได้ 12 บาท ผมก็จะปัดลง

ผมก็ใช้งานวิธีนี้อยู่ 4 เดือน โดยมีข้อเสียที่เห็นได้ชัดคือ ต้องคอยปัดตัวเลขด้วยตนเอง และหากลูกค้าเข้ามาใช้งานโดยที่มองไม่เห็นว่าเข้ามาเมื่อไรหรือขณะที่ลูกค้าเข้ามาใช้งานผมไปเข้าห้องน้ำ ก็จะไม่สามารถลงเวลาเริ่มต้นที่แท้จริงได้

ผมก็เลยมองหาโปรแกรมอื่นที่สามารถใช้งานในลักษณะ Client-Server มาใช้งานแทน ก็ช่วยลดปัญหาดังกล่าวลงไปได้

แต่ที่จะคุยให้ฟังในวันนี้ก็คือ ช่วงที่ผมใช้งาน ncafe นั้น ปรากฏว่าเครื่องที่ใช้คิดเงินนั้นมีปัญหาบ่อยมาก โดยจะค้างบ่อยมาก ทำให้ไม่สามารถคำนวนค่าใช้บริการของลูกค้าได้

ผมเลยเขียนไฟล์เอ็กเซลสำหรับใช้คำนวนค่าบริการขึ้นมา ซึ่งสามารถนำไปใช้งานที่เครื่องไหนก็ได้ เช่น หากเครื่องคิดเงินใช้งานไม่ได้ ก็นำไฟล์เอ็กเซลนี้ไปเปิดที่เครื่องใดเครื่องอื่นแทน ก็ใช้สำหรับคำนวนชั่วคราวเท่านั้นครับ

หน้าตาของไฟล์และสูตรการคำนวนมีดังนี้ครับ

มาดูสูตรและการจัดรูปแบบในแต่ละคอลัมน์นะครับ

คอลัมน์ B กับ C ใช้คำสั่ง Data > Validation ดังนี้ครับ เพื่อให้การใส่ตัวเลขเวลาถูกต้อง โดยจัดรูปแบบเป็น h:mm

คอลัมน์ D กำหนด Validate เฉพาะแท็บ Input Message ครับ

คอลัมน์ E กำหนดสูตรดังนี้ครับ (ตัวอย่างจากเซลล์ E7)
=IF(C7="",0,IF(C7<b7,1+value(c7)-value(b7),value(c7)-value(b7)))

คอลัมน์ F กำหนดสูตรดังนี้ครับ (ตัวอย่างจากเซลล์ F7)
=IF(VALUE(E7)<0.021,if(e7=0,0,10),round((value(e7)*489.6)/5,0)*5)

คอลัมน์ G กำหนดสูตรดังนี้ครับ (ตัวอย่างจากเซลล์ G7)
=sum(d7,f7)

สุดท้ายจัด Conditional Format ของคอลัมน์ A ถึง G ดังนี้ (ตัวอย่างจากแถวที่ 7)

วิธีใช้งานก็คือ
  1. เมื่อลูกค้าเข้ามาใช้งานที่เครื่องหมายเลขใด ก็เลื่อนไปที่คอลัมน์ B ของเครื่องหมายเลขนั้น แล้วกดแป้น Ctrl+Shift+; เพื่อใส่เวลาเริ่มใช้งาน
  2. เมื่อลูกค้าเลิกใช้งาน ก็เลื่อนไปที่คอลัมน์ C ของเครื่องนั้น แล้วกดแป้น Ctrl+Shift+; เพื่อใส่เวลาเลิกใช้
  3. ถ้าลูกค้ามีการใช้งานบริการอื่น เช่น ปริ้นท์ ก็ใส่ค่าบริการอื่นในคอลัมน์ D ด้วย
  4. เก็บเงินลูกค้าตามยอดเงินในคอลัมน์ G
  5. ลบข้อมูลเดิมในคอมลัมน์ B, C และ D

ก็ฝากไว้เป็นแนวทางให้เพื่อน ๆ นำไปใช้ละกันครับ ถ้าไม่เข้าใจตรงจุดไหนก็สอบถามเข้ามาได้ครับ

ปัจจุบันไฟล์นี้ผมเก็บไว้ แต่ไม่ได้ใช้แล้ว เพราะตอนนี้เครื่องคิดเงินก็ไม่มีปัญหาแล้ว โดยนำไปซ่อม ซึ่งปัญหาเกิดจาก Capacitor บนเมนบอร์ดบวมครับ ก็เปลี่ยนใหม่ แต่ก็ยังใช้งานไม่ได้ ผมก็เลยซื้อเมนบอร์ดใหม่มาใช้แทนครับ

วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2551

ความหมายของตัวอักษร LED ของ Canon MP160

เคยสงสัยมั้ยครับว่า ตัวอักษรบนหน้าจอ LED ของปริ้นเตอร์มีความหมายว่าอย่างไร และมีวิธีใช้งานอย่างไร สมัยที่ซื้อมาใช้ใหม่ ๆ ด้วยความที่ผมเป็นคนที่คุ้นเคยกับการใช้งานอุปกรณ์คอมฯต่าง ๆ อยู่แล้ว ก็ไม่เคยอ่านคู่มือการใช้งานที่แถมมาด้วยเลย

จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมก็ว่างมาก ก็เข้าไปถามหลาย ๆ คนในหลาย ๆ เว็บบอร์ด ก็ไม่มีใครตอบเลย จนผมกลับมานั่งอ่านคู่มือการใช้งาน ก็ปรากฏว่าทุกอย่างมีอยู่ในคู่มือการใช้งานอยู่แล้ว ทั้งข้อควรระวังในการเปลี่ยนตลับหมึก วิธีการตรวจบำรุงเครื่องปริ้นท์ และรหัสข้อผิดพลาดต่าง ๆ

ก็เลยอยากให้เพื่อน ๆ อ่านคู่มือการใช้งานก่อนที่จะไปตั้งคำถามถามแบบผมนะครับ และผมได้รวบรวมความหมายและวิธีการใช้งานจากการอ่านคู่มือมาบอกต่อกันดังนี้ครับ

A - พิมพ์รูปแบบตรวจหัวฉีด (พิมพ์ 4 สี ใช้กระดาษ 1 แผ่น)
H - การทำความสะอาดหัวฉีด (1 รอบ)
y - การทำความสะอาดหัวฉีดอย่างละเอียด (3 รอบ)
P - จัดหัวพิมพ์อัตโนมัติ
U - จัดหัวพิมพ์ด้วยตนเอง (ให้วางแผ่นรูปแบบหัวพิมพ์บนแท่นสแกนก่อนเริ่ม)
L - พิมพ์รูปแบบหัวพิมพ์ปัจจุบัน (ใช้กระดาษ 1 แผ่น)
b - ทำความสะอาดลูกกลิ้ง (ใช้กระดาษ 3 แผ่น)
J - ทำความสะอาดแผ่นด้านล่าง (ใช้กระดาษ 1 แผ่น)

วิธีใช้งาน
กดปุ่ม Maintenance (รูปเครื่องมือ อยู่ซ้ายสุด) จน LED ขึ้นตัวอักษรที่ต้องการ แล้วกดปุ่ม Color

วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2551

พอลล่า

วันนี้นั่งดูโฆษณาแคนนอนชุดใหม่ ชอบมาก ๆ เลย เพราะได้พอลล่ามาแสดง โดยเฉพาะฉากค่อย ๆ ยิ้มขณะเล่นเครื่องสาย ยิ้มน่ารักมากเลยครับ
ผมในฐานะที่แอบเป็นแฟนคลับคนนึงของเธอ ก็รีบเลยครับ ไปดาวน์โหลดโฆษณาชุดนี้มาดู ก็จากเว็บประจำครับ http://www.adintrend.com/

ที่เวบนี้ผมมักจะเข้าไปดาวน์โหลดโฆษณาตลก ๆ มาดูคลายอารมณ์เวลาที่เบื่อ ๆ

พูดถึงโฆษณาตลก ๆ ช่วงนี้ก็มี โฆษณาตลกร้ายของ สสส. เรื่องไม่ซ้อนคนเมา น่ะตลกดี ผมชอบนะโฆษณาของ สสส. ทำออกมาทุกชุดได้ดีครับ

ถ้าพูดถึงพอลล่าแล้ว ข้อดีของพอลล่าก็คือความน่ารัก และดูอ่อนวัย นั่นทำให้เราเห็นว่าโฆษณาที่พอลล่าแสดง จะพุ่งไปที่กลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นเท่านั้น แม้จะมีหัวงูแบบผมปะปนอยู่บ้างก็ตาม

เพราะเจ้าของสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนวัยทำงาน จะยังไม่แน่ใจในพฤติกรรมของพอลล่ามากนัก เพราะด้วยความที่เธอยังมองเป็นเด็ก อาจจะกระทำการใด ๆ ที่อาจส่งผลเสียต่อตัวสินค้าได้

แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน ผมคงเห็นพอลล่าแสดงในหนังโฆษณาประเภทอื่น ๆ มากขึ้น

สิ่งหนึ่งที่พอลล่าอาจจะต้องฝึกไว้ก็คือ การร้องเพลง เพราะหากได้เป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้าที่จำเป็นต้องออกไปโชว์ตัวแล้วละก็ คงหลีกไม่พ้นที่จะต้องทำกิจกรรมบางอย่าง ซึ่งกิจกรรมที่เป็นที่นิยมมากในการโชว์ตัวก็คือ การร้องเพลงนั่นเอง

ก็แค่อยากเห็นเร็ว ๆ ครับ

ส่วนถ้าจะพูดถึงโฆษณาที่ทำออกมาถูกต้องตามหลักการทำโฆษณาแล้วละก็ อยากให้เพื่อน ๆ ดูโฆษณารถกระบะอีซูซุที่ก็อต จักรพันธ์แสดงและของรถกระบะวีโก้ที่คุณปัญญา แสดง

แล้วคอยสังเกตคำพูด ท่าทาง จังหวะของคำกับภาพและท่าทาง ซึ่งทำออกมาได้เหมาะเจาะ ลงตัวกับวิธีการทำโฆษณาครับ

กลับมาพูดถึงแคนน่อนซักนิด ต้องบอกว่าแคนน่อนมีการโฆษณาสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ส่วนหนึ่งต้องบอกว่าสินค้าของแคนน่อนเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ เพียงแต่ต้องบอกว่านโยบายทางด้านการบริการหลังการขายยังไม่ถูกต้องนัก

เรื่องนี้ต้องยกมาจากประสบการณ์ส่วนตัว กับเครื่องปริ้นเตอร์ของผมที่เคยคุยให้ฟังไปแล้ว

ในส่วนของปริ้นเตอร์อิงค์เจ็ตนั้น ทุกบริษัทมีนโยบายทำกำไรจากหมึกพิมพ์ ดังนั้นจึงเน้นการกระจายขายเครื่องให้มากที่สุด ซึ่งกลวิธีหนึ่งก็คือการตั้งราคาต่ำ เพื่อจูงใจกลุ่มเป้าหมายให้ซื้อเครื่องไปใช้งาน ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับกลยุทธ์นี้

แต่ทำไมเวลาที่เครื่องมีอาการขัดข้องขึ้นมา ค่าอะไหล่กับค่าบริการถึงได้แพงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อเครื่องใหม่ เช่น ซ่อมชุดฟีดกระดาษ ลูกค้าต้องจ่ายถึง 900 กว่าบาท คิดเป็นสัดส่วน 40% ของราคาเครื่องใหม่ ซึ่งเรื่องนี้ขัดแย้งกับนโยบายแรก ที่แคนน่อนตั้งใจจะทำกำไรกับการขายหมึกพิมพ์

เพราะฉะนั้น แคนน่อนจะตัองระวังในการวางนโยบายทั้งหมดไม่ให้ขัดแย้งกัน ต้องอย่าลืมว่าแคนน่อนเป็นบริษัทจัดจำหน่ายสินค้า ไม่ใช่บริษัทจัดจำหน่ายบริการ ที่จะมาหากำไรเป็นกอบเป็นกำจากการเข้ามารับบริการ

วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2551

Service Manual

เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมไปเดินเล่นคลองถม ซึ่งเป็นตลาดนัดกลางคืนแห่งหนึ่งที่มีสินค้าหลากหลาย ซึ่งผมก็จะไปเดินค่อนข้างบ่อย เมื่อคืนนี้ก็ซื้อสินค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ มา

โดยสินค้าอย่างหนึ่งที่ผมซื้อมาก็คือ ไขควงสำหรับมือถือ 1 ชุด 20 บาท ที่ซื้อมาก็กะจะนำมาถอดมือถือเครื่องที่ผมใช้งานอยู่กับเครื่องที่พี่สาวให้มา โดยเครื่องของผมนั้นเป็นรุ่น 8210 ซึ่งผมซื้อมานานมากแล้ว สมัยที่รุ่นนี้ออกใหม่ ๆ สมัยนั้นราคา 25,000 บาท หน้าจอขาวดำ ไม่มีวิทยุ ตอนนั้นที่ตัดสินใจซื้อตัวนี้ก็เพราะเป็นรุ่นที่เล็กและบางที่สุด ก็ใช้งานได้ดี จนถึงปีที่สามหน้าจอเริ่มติด ๆ หาย ๆ
ผมก็ทนใช้เรื่อยมา และช่วงต้นปีที่ผ่านมาพี่สาวผมที่ใช้งานเครื่องรุ่น 6610 ได้ทำเครื่องตก ทำให้หน้าจอไม่แสดงภาพใด ๆ ก็ส่งมาให้ผมช่วยนำข้อมูลภายในเครื่องออกมาให้ โดยผมใช้อินฟราเรดดึงข้อมูลรายชื่อออกมาให้ และพี่สาวก็ทิ้งเครื่องนี้ให้ผม และไปซื้อเครื่องใหม่

ทั้งสองเครื่องผมก็ทิ้งไว้ไม่ได้ทำอะไร จนเมื่อคืนหลังจากได้ไขควงสำหรับมือถือมา ผมก็จัดการรื้อเครื่องทันทีที่กลับถึงบ้าน

แต่ก่อนอื่น เพื่อป้องกันฝรั่งทำเกิน ก็ต้องหาคู่มือในการถอดซะหน่อย

ปกติเวลาที่ผมจะรื้ออุปกรณ์อะไรก็ตาม ผมมักจะหาดาวน์โหลด Service Manual ของอุปกรณ์ชิ้นนั้น ๆ มาประกอบในการทำงาน อย่างเช่นปริ้นเตอร์ HP 1000 series, Samsung CLP-500 หรือรถยนต์เปอร์โยต์ของผม

ดังนั้น ผมก็เข้าไปดาวน์โหลดคู่มือของมือถือทั้งสองรุ่นทันที โดยเว็บที่ผมใช้บริการสำหรับงานนี้ก็คือ http://www.eserviceinfo.com/ นั่นเอง

หลังจากที่ดาวน์โหลดคู่มือของมือถือทั้งสองรุ่นเรียบร้อยแล้ว ผมก็จัดการถอดชิ้นส่วนมือถือรุ่น 6610 ก่อน สิ่งที่ผมทำกับเครื่องก็คือ ผมรีดส่วนที่เป็นสายแพหรือสายนำสัญญาณของหน้าจอ LCD ให้แนบสนิทขึ้น พร้อมเสริมกระดาษแผ่นบาง ๆ เพื่อเสริมแรงกดสายแพให้สนิทยิ่งขึ้น จากนั้นก็ทำความสะอาดส่วนต่าง ๆ ก็ใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ ฟิลิปส์ กระป๋องฟ้า ฉีดและเช็ดทำความสะอาดจุดสัมผัสที่เป็นทองเหลืองต่าง ๆ ให้สะอาด
และประกอบกลับให้เหมือนเดิม แล้วเปิดใช้งาน ก็ปรากฏว่าหน้าจอที่เคยหายไป ก็กลับมาชัดแจ๋วดังเดิม
หลังจากประสบความสำเร็จไปหนึ่งเครื่อง ผมก็เริ่มรื้อเครื่อง 8210 ต่อทันที เครื่องนี้ต้องบอกว่าสกปรกมาก เพราะโดยปกติแล้ว ผมจะเก็บมือถือไว้ในกระเป๋ากางเกง ฝุ่นผ้าต่าง ๆ เข้าไปเกาะอยู่เป็นจำนวนมาก ผมก็ใช้แปรงสีฟันเก่า ๆ ในการแปรงฝุ่นออก และฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์และเช็ดทำความสะอาดจุดคอนแทคต่าง ๆ ให้สะอาด จากนั้นก็ประกอบกลับดังเดิม ก็ปรากฏว่าใช้งานได้ดี หน้าจอชัดแจ๋วยังไม่มีดับ
ก็อยากบอกเพื่อน ๆ ว่าก่อนถอดประกอบอะไรก็ตาม ขอให้พยายามหา Service Manual มาศึกษาก่อนนะครับ จะได้เห็นจุดที่เราควรระวัง และหลังจากประกอบคืน จะได้ไม่ต้องโทษว่าฝรั่งทำเกินอีก

วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2551

ทา ทา พร้อมหรือยัง

ผมจำได้ว่า ได้อ่านข่าวการเปิดตัวรถยนต์ที่มีราคาที่ถูกที่สุดในโลก เมื่อหลายเดือนก่อน เป็นรถยนต์สัญชาติอินเดีย ราคาอยู่ที่ 2,500 ดอลล่าร์ หรือประมาณแปดหมึ่นบาท ในความคิดของผมต้องบอกว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ทีเดียว

ช่วงนี้ราคาน้ำมันแพงขึ้นทุกวัน คนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว คงทราบดีว่าสัดส่วนรายจ่ายที่เป็นค่าน้ำมันคำนวนออกมาแล้วเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ต่อรายจ่ายทั้งหมด ผมก็มีรถยนต์เก่า ๆ อยู่คันหนึ่ง ซึ่งผมก็ไม่ได้ขับมานานหลายเดือนแล้ว ด้วยที่ว่าโดยส่วนใหญ๋ผมจะนั่งรถประจำทางหรือไม่ก็รถไฟฟ้า หรือไม่ก็เดิน

วันก่อนผมดูรายการพลังงานแห่งอนาคตทางช่องโมเดิร์นไนน์ ผมทึ่งมากเลยกับการนำเอาอากาศมาเป็นพลังงานขับเคลื่อนรถยนต์ โดยผู้คิดค้นใช้วิธีอัดอากาศเก็บไว้ในถัง แล้วนำอากาศในถังมาใช้ในการส่งพลังขับเคลื่อนเครื่องยนต์ ไม่มีไอเสีย เยี่ยมมากเลย

สมัยเด็ก ผมฝันที่จะสร้างรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมา โดยรูปแบบก็คือใช้พลังงานไฟฟ้าต้มน้ำ แล้วใช้ไอน้ำมาผลิตไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนมอเตอร์ หลักการก็คือรถยนต์ไอน้ำไฟฟ้านั่นเอง ก็เป็นความคิดของผมที่ไม่แน่ใจว่าจริง ๆ แล้วจะสร้างได้หรือเปล่า เพราะผมก็ไม่ได้เรียนมาทางนี้

กลับมาที่รถยนต์ ทา ทา รุ่นถูกที่สุดในโลก มีหลายคนที่บอกว่ารถรุ่นนี้หากนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย คงไม่ประสบความสำเร็จ เพราะคนไทยรายได้ต่ำ รสนิยมสูง แต่ผมกลับมองว่าไม่ใช่

ในสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันแพงอย่างนี้ คนที่มีรายได้ประจำไม่เกินสองหมื่นบาทต่อเดือน ที่ต้องการรถยนต์ไว้ใช้งาน ต้องการรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมัน ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าเป็นช่องว่างของตลาดที่ยังไม่มีใครลงมาเล่น

หากทา ทา ต้องการเข้ามาทำตลาดเมืองไทย ผมคิดว่าควรเปิดตัวด้วยรถยนต์รุ่นนี้ เพื่อสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักก่อน แล้วค่อยเปิดตัวรถกระบะต่อไป นั่นคือควรที่จะวางตำแหน่งทา ทา อยู่ที่รถราคาถูกในใจผู้บริโภคก่อน

แต่ทา ทา ตอนนี้มีแผนที่จะเปิดตัวรถกระบะก่อน และกำลังโหมสร้างภาพลักษณ์บริษัทต่าง ๆ นา นา ซึ่งผมมองว่าเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า
สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ก็คือ หาตัวแทนจำหน่ายในแต่ละจังหวัดให้ครบ พร้อมทั้งหาตัวแทนจำหน่ายอะหลั่ยในพื้นที่ยุทธศาสตร์ เช่น วรจักร และเปิดสอนการซ่อมรถทา ทา ให้กับช่างซ่อมรถทั่วประเทศ จากนั้นก็เปิดตัวรถยนต์ ทา ทา นาโน เพื่อสร้างตำแหน่งการตลาดในใจผู้บริโภค แล้วค่อยตามด้วยการเปิดตัวรถกระบะ

อย่าให้ผู้บริโภคมองว่ารถทา ทา เป็นรถใช้แล้วทิ้ง เพราะจากประสบการณ์เดิม ๆ รถยนต์หลายแบรนด์ที่เข้ามาทำตลาดในไทย ทำตลาดได้ซักปี-สองปี ก็หายไปจากตลาด กลายเป็นว่าเมื่อเสียแล้วหาที่ซ่อมไม่ได้ ทำให้เกิดความกังวลในใจของหลาย ๆ คนที่ตัดสินใจทดลองใช้รถแบรนด์ใหม่ ๆ

อีกอย่าง จุดแข็งของ ทา ทา ก็คือรถยนต์ราคาถูก ถ้าเริ่มต้นด้วยการเข้าไปแข่งขันในตลาดรถกระบะทันที ที่มีคู่แข่งที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ในขณะที่ตำแหน่งทางการตลาดของทา ทาไม่ชัดเจน คงประสบผลสำเร็จได้ยาก

และเหตุผลที่กลุ่มเป้าหมายจะเลือกซื้อรถยนต์หรือรถกระบะซักคัน เค้ามีหลักการในการเลือกซื้ออะไรบ้าง เช่น มีศูนย์บริการทั่วประเทศ อะหลั่ยหาง่าย คุณภาพดี ประหยัดน้ำมัน สิ่งอำนวยความสะดวกในรถ ราคาเหมาะสม ขายต่อง่าย ได้ราคาดี เป็นต้น แล้วทา ทา มีสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ครบถ้วนหรือยัง หากทา ทา วางตัวเองเป็นรถคุณภาพดีเทียบเท่ากับคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาดแล้ว นั่นก็จะไม่แตกต่าง แล้วทำไมผู้บริโภคต้องลองทา ทา ด้วยล่ะ

ผมแค่หวังให้ทา ทาอยู่ในตลาดนาน ๆ เพราะเมื่อมีการแข่งขัน ก็มีการพัฒนา ผู้บริโภคก็จะได้เลือกสิ่งที่ดีมาใช้งาน เพียงแต่ทา ทา น่ะ พร้อมหรือยัง?

วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2551

สตาร์บั๊คคอนโด

วันนี้ออกไปเดินเล่นรอบ ๆ ที่พัก ผมก็ไปเจอะเจอกับสตาร์บั๊คสาขาใหม่ ก่อนนี้บริเวณที่ผมอยู่ สตาร์บั๊คสาขาที่ใกล้ที่สุดก็แถวประตูน้ำหรือสยาม แล้วเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมานี่เองที่มีการเตรียมเปิดตัวคอนโดโครงการใหม่

ต้องบอกว่าแถวที่ผมพักนี้มีโครงการคอนโดผุดขึ้นเยอะมาก เพราะเป็นทำเลที่สะดวก เพราะอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าทั้งสถานีราชเทวีและสถานีพญาไท โดยเฉพาะที่สถานีพญาไทกำลังมีการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใหม่ที่เชื่อมต่อไปสนามบินสุวรรณภูมิ

แต่ก่อนนี้สถานีรถไฟฟ้าพญาไทค่อนข้างเงียบเหงา จะมีคึกคักบ้างก็ช่วงวันทำงาน เช้า เที่ยง เย็น แต่พอศูนย์กวดวิชาที่แยกพญาไทสร้างเสร็จ ทั้งวันธรรมดาและวันเสาร์-อาทิตย์ก็คึกคักเป็นอย่างมาก มีเด็กนักเรียนมาเรียนกวดวิชาเป็นจำนวนมาก

สมัยผมเรียนหนังสืออยู่ต่างจังหวัด ต้องบอกว่าผมไม่เคยเรียนกวดวิชาเลย ปิดเทอมก็เล่นอยู่กับเพื่อน ๆ แถวบ้าน หรือไม่ก็ช่วยงานทำที่บ้าน และโดยส่วนตัวแล้ว ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการส่งเสริมเด็กมาเรียนพิเศษ ในความคิดส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าผู้ปกครองต่างหากที่ควรสอน เพราะผู้ปกครองส่วนใหญ่ก็ผ่านการเรียนวิชาต่าง ๆ เหล่านี้มาแล้ว โดยเฉพาะเด็กชั้นประถม ซึ่งเป็นวิชาพื้นฐาน ไม่ควรที่จะส่งเด็กมาเรียนในวันหยุด ควรเป็นเวลาของครอบครัว

เรื่องนี้ควรทำ root cause analysis เพื่อแก้ปัญหากันอย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นวงจรเช่นนี้ก็จะวนเวียนไม่สิ้นสุด

แต่ถ้ามองในมุมผู้ประกอบการแล้ว การทำการค้ากับเด็กนี่เป็นอะไรที่เยี่ยมที่สุด เพราะเด็กโดยส่วนมากจะใช้อารมณ์ในการซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีผู้ปกครองที่มีมุมมองเชิงเปรียบเทียบด้วยแล้ว ก็จะยิ่งดีขึ้นไป

แล้วในฐานะผู้ประกอบการล่ะ ควรทำอย่างไรเพื่อช่วยเหลือทั้งเด็กและผู้ปกครองเหล่านั้น โรงเรียนกวดวิชาบางแห่งจะเปิดวิดีโอสอน แล้วทำไมไม่ทำวิดีโอขายซะเลยล่ะ จริง ๆ แล้ว การสอนผ่านวิดีโอลักษณะนี้ สถานี ETV ก็เปิดสอนอยู่นะ แต่เฉพาะระดับมัธยมปลายช่วงดึก ๆ เท่านั้น ก็ไม่แน่ใจว่าอยากให้น้อง ๆ เค้าดูละครจบก่อนแล้วค่อยมาเรียนหรือไม่ จึงมีซะดึกขนาดนั้น

ถ้าแนวคิดของผมละก็ ผมจะเปิดโรงเรียนสอนพิเศษผู้ปกครอง เพื่อให้ผู้ปกครองไปสอนน้อง ๆ ต่อ โดยอาจจะเป็นดีวีดี หรือเว็บไซต์ก็จะดี

เวลาที่ผมกลับบ้านต่างจังหวัด เมื่อหลาน ๆ กลับจากโรงเรียน ผมก็จะนั่งทำการบ้านกับหลาน หรือไม่ก็ให้หลานอ่านหนังสือให้ฟัง หลานผมอายุ 5 กับ 7 ขวบ ซึ่งผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน และยังช่วยให้หลานได้ทบทวนความรู้ไปด้วย โดยไม่จำเป็นต้องไปเรียนพิเศษเสริมใด ๆ

หากจะบอกว่าไม่มีเวลาเรียน หรือเวลาสอนการบ้าน นั่นก็เป็นความคิดที่ใช้ไม่ได้ ในการทำงานคุณยังต้องเข้าฝึกอบรมเพื่อนำมาใช้ในการทำงาน แล้วกับลูกล่ะ คุณจะไม่เข้าเรียนเพื่อมาสอนลูกเหรอ และเวลาทุกคนก็มีเท่ากัน เพียงแต่คุณยังบริหารมันไม่ดีต่างหาก

ลองจดบันทึกการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละชั่วโมงดูสิ เหมือนกับที่คุณทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายประจำวัน แล้วคุณจะเห็นว่า คุณใช้เวลาหมดไปกับกิจกรรมอะไร แล้วลองย้อนกลับไปดูวิธีที่ช่วยทำงานที่ผมเคยเขียนไปก่อนหน้านี้มาดู (To do list)

คนเราเกิดเป็นเด็กเพียงครั้งเดียว ถ้าปล่อยเวลาให้ผ่านไป เราก็ไม่สามารถจะย้อนเวลากลับไป

กลับมาที่สตาร์บั๊คสาขาใหม่ที่ผมเห็น สาขานี้ตั้งอยู่ในส่วนของพื้นที่ที่เค้าจัดแสดงห้องชุดตัวอย่างของโครงการคอนโดใหม่แห่งหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าโครงการคอนโดแห่งนี้มีความคิดที่ดีมาก เพราะนอกจากสตาร์บั๊คจะอยู่ในตำแหน่งพรีเมี่ยมในสายตาคนทั่วไปแล้ว ซึ่งช่วยส่งเสริมให้โครงการคอนโดดูมีความพรีเมี่ยมตามไปด้วย สร้างภาพกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และการมีร้านกาแฟอยู่ในบริเวณพื้นที่แสดงห้องตัวอย่าง จะทำให้เกิดความคึกคักของพื้นที่ตรงนั้นตลอดเวลา

ก็ลองจินตนาการดูละกันว่า ถ้าสตาร์บั๊คสร้างคอนโดขึ้นมา จะน่าอยู่แค่ไหน เรื่องนี้ก็ต้องขอชมฝ่ายการตลาดคอนโดโครงการนี้ เยี่ยมครับ