ปัจจุบันเรามีการนำสารให้พลังงานมาใช้มากขึ้น ซึ่งสารเหล่านี้เมื่อมีการใช้จะปล่อยสารคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้โลกร้อนออกมา ซึ่งหากเรามีต้นไม้เยอะ ๆ ที่คอยช่วยดูดซับสารเหล่านั้นละก็ ก็คงไม่มีปัญหาโลกร้อนหรอกครับ แต่เพราะทุกวันนี้ ต้นไม้ถูกตัดทำลายลดลงไปอย่างมากที่สุด เนื่องจากการขยายตัวของการทำการเกษตร หรือการขยายพื้นที่อยู่อาศัย
ผมว่าน่าจะมีการรณรงค์ปลูกต้นไม้กันดีกว่า รณรงค์ลดการใช้พลังงานนะ ถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาส ก็ช่วย ๆ กันปลูกต้นไม้นะครับ โดยเฉพาะไม้ยืนต้น อาจจะเป็นพวกผลไม้ก็ได้ เช่น ขนุน ที่ช่วยหนุนตัวเราให้ดีขึ้น
มาว่ากันเรื่องโอกาสทางธุรกิจดีกว่า ว่าโลกร้อนแบบนี้ ธุรกิจอะไรที่น่าจะดีบ้าง แน่นอนก็ต้องเป็นธุรกิจทำความเย็น ไม่ว่าจะเป็นแอร์คอนดิชั่นทั้งในบ้าน และในรถยนต์ พัดลมบ้านและมือถือ พัดมือธรรมดา นอกจากนั้นก็จะเป็นสถานที่ที่ให้ความเย็น เช่นที่ทำงาน ห้างสรรพสินค้า และร้านอินเตอร์เน็ต :)
สมัยก่อนผมทำงานบริษัท ช่วงหน้าร้อนนี่ ตื่นเช้ามากครับ เพราะร้อน ก็รีบอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน นั่งตากแอร์ในที่ทำงาน ช่วงเย็นก็อยู่ค่ำหน่อย เพราะกลางคืนก็ร้อน
ส่วนวันหยุดก็ไปเดินตามห้างสรรพสินค้าครับ ก็มีทั้งซื้อและไม่ซื้อ เพราะฉะนั้นผมว่าหน้าร้อนนี่ ห้างสรรพสินค้าน่าจะขายสินค้าได้มากขึ้นนะครับ
ส่วนร้านอินเตอร์เน็ต ก็จะมีคนที่เข้ามาใช้บริการเร็วขึ้น และบ่อยขึ้นครับ ร้อนเมื่อไหร่ก็แว่บมาเล่น ก็ช่วยได้ส่วนหนึ่งครับ
ช่วงหน้าร้อนแบบนี้ แอร์ก็ทำงานมากขึ้นครับ ค่าไฟก็สูงตามไปด้วย โดยเฉพาะค่าไฟที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย ทำให้เดือนที่ผ่านมา ค่าไฟร้านผมสูงมากเป็นประวัติการ ก็ต้องหามาตรการลดค่าไฟมาใช้ครับ
- ล้างแผ่นกรองฝุ่นของแอร์บ่อยขึ้นครับ จากเดือนละครั้ง ก็ต้องเปลี่ยนเป็นเดือนละสองครั้ง หรือต่อไปอาจต้องเปลี่ยนเป็นสัปดาห์ละครั้ง เอาไว้คอยดูฝุ่นที่เกิดขึ้นก่อน
- อุปกรณ์ไฟฟ้าที่สามารถถอดปลั๊กได้ ต้องถอดให้หมด ไฟเส้นไหนที่ไม่ได้ใช้ต้องสับสวิตซ์ปิดไฟให้หมด ช่วงนี้ผมก็มานั่งศึกษาเส้นทางเดินสายไฟแต่ละเส้นอยู่ครับ
- ปิดเครื่องคอมฯเร็วขึ้น เมื่อก่อนผมก็จะปล่อยเครื่องคอมฯ เปิดค้างไว้ แต่ตั้งให้ปิดหน้าจอไว้เมื่อไม่ได้ใช้งานครบ 10 นาที และจะปิดเครื่องเมื่อใกล้กำหนดปิดร้าน ตอนนี้ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็น ช่วงไหนที่เครื่องว่างเยอะ ๆ ก็สั่งปิดเครื่องว่างทั้งหมดเลยครับ ลูกค้ามาเมื่อไหร่ก็ให้ลูกค้าเปิดใหม่
ก็หวังว่าจะช่วยลดค่าไฟได้บ้าง ถึงจะเล็กน้อยก็ตาม จะได้เอาค่าไฟที่ลดนี้ไปเพิ่มค่าจ้างพนักงานได้ เพราะอย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าค่่าข้าวเพิ่มขึ้นวันละ 15 บาท เท่ากับเดือนละ 450 บาท เงินเดือนพนักงานที่ไม่มากนัก ก็ถือเป็นเปอร์เซนต์ที่สูงอยู่ครับ
ซึ่งถ้าหากค่าไฟยังสูงต่อเนื่องต่อไปแบบนี้ ผมอาจจะต้องทำร้านและวางระบบแอร์ใหม่ก็ได้ เพราะเพดานตอนนี้สูงประมาณ 3 เมตร และแอร์เป็นรุ่นเก่ามานานแล้ว อาจต้องทำฝ้าเพดานเพื่อลดให้สูงเพียง 2.5 เมตร และซื้อแอร์เบอร์ 5 รุ่นใหม่มาใช้แทน ก็อาจต้องคำนวนค่าใช้จ่ายระหว่างทำใหม่กับใช้ของเดิมอีกครั้งนึง
1 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมาก ๆ นะครับสำหรับข้อมูล
แสดงความคิดเห็น